Saturday, March 31, 2007

ประวัติ

พ.ศ.2494
บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด ก่อตั้งเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2494 โดย ฯพณฯ
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ด้วยทุนจดทะเบียน 2,000,000 บาท
พ.ศ.2507
ทางราชการได้รับโอนหุ้นของ ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และท่านผู้หญิงวิจิตรา
ธนะรัชต์ มาเป็นของกระทรวงการคลังส่วนหนึ่ง
พ.ศ.2518
ทางราชการได้รับโอนหุ้นของ ฯพณฯ จอมพลประภาส จารุเสถียร เป็นของกระทรวง
การคลังอีกส่วนหนึ่ง ทำให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทถึง 55.6% เป็น
ผลให้ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการคลัง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
พ.ศ.2533
บริษัทฯ ได้เปิดทำการที่อาคารสำนักงานใหญ่ ซึ่งเป็นของตนเอง เป็นอาคาร 7 ชั้น ตั้งอยู่ ณ 63/2 ถนนพระราม 9
ห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2533 และบริษัทฯ ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นบริษัทดีเด่นแห่งปี
ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติ สูงสุดของบริษัทฯและพนักงานทุกคน
พ.ศ.2536
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลังกระจายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทฯ อาทิ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด
(มหาชน) และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังเหลือเพียง 5.24 %
พ.ศ.2537
บริษัทฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 80 ล้านบาทเป็น 240 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 24,000,000 หุ้น
มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 10 บาท และในเดือนมีนาคม พ.ศ.2538 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้แปรสภาพบริษัทฯ จาก
รัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทมหาชน และในเดือนมิถุนายนปีเดียวกันนี้ณะรัฐมนตรีได้อนุมัติในหลักการเรื่องการแปรรูปเป็น
บริษัทมหาชน ทั้งนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 อีกทั้ง
ยังเป็นการเตรียมการบริษัทฯ ให้มีความคล่องตัวในการดำเนินงาน และพร้อมที่จะแข่งขันในภาวะการแข่งขันเสรี
ของธุรกิจประกันภัยตามข้อตกลงของแกตต์ (GATT)
พ.ศ.2538
บริษัทฯ ได้ดำเนินการจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัท มหาชน จำกัด ต่อกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ พร้อมทั้ง
เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ.2538 โดยมี กระทรวงการคลัง,
ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารออมสิน และ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
พ.ศ.2542
บริษัทฯ ได้รับการรับรองระบบบริหารคุณภาพ ISO 9002 จากสถาบัน SGS Yarsley International
Certification Services Limited แห่งประเทศอังกฤษ ทำให้ทิพยประกันภัยเป็น "บริษัทประกันวินาศภัยแห่งแรก
ของไทยที่ได้ ISO 9002 ทุกระบบขององค์กร"
พ.ศ.2544
ครบรอบ 50 ปี แห่งความมั่นคง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯได้พัฒนาขีดความสามารถในการให้บริการอย่างไม่
หยุดยั้ง ผนวกกับบริษัทฯ มีผู้ถือหุ้นที่เป็นองค์กรที่มีความมั่นคงและมีชื่อเสียง ทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากทั้ง
ภาครัฐ และ เอกชน ให้เป็นผู้รับประกันภัยในโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นแรงผลักดัน ให้บริษัทฯ ก้าวขึ้นสู่ ความเป็นผู้นำ
ด้านประกันวินาศภัยของประเทศ โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมติดอันดับ 2ของกลุ่มบริษัทประกันวินาศภัยกว่า 77 บริษัท
และมีเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ดสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ
พ.ศ.2545
บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพการบริการอย่างต่อเนื่อง โดยนำระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001 : 2000
เข้ามาประยุกต์ใช้กับระบบเดิม เพื่อพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการบริการให้ดียิ่งขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และเพื่อก้าวสู่ความเป็น
เลิศในการบริการ บริษัทฯจึงได้เปิด Dhipaya Service Center (DSC) หรือศูนย์ทิพยบริการเพื่อเพิ่มศักยภาพ
การให้บริการแบบครบวงจร One Stop Serviceเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการอำนวยความสะดวก รวดเร็ว
สำหรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ติดต่อทำประกัน,การติดต่อสอบถาม, การติดต่อประสานงานเรื่องต่างๆ เป็นต้น รวมทั้ง
ให้คำปรึกษาแนะนำทางโทรศัพท์นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้เปิด Claims Photo Centerศูนย์การบริการเคลมรูปแบบ
ใหม่เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการด้านสินไหมรถยนต์อีกด้วย
พ.ศ.2546
บริษัทฯ ได้รับเกียรติบัตร The Best Performance - Financials 2003 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ในฐานะที่ได้รับคัดเลือกเข้าชิงรางวัลดังกล่าวเพียง 5 บริษัทเท่านั้น จากบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาล ให้เป็นผู้รับประกันภัยงานระดับชาติด้วย ได้แก่ การประกันภัย
โรคซาร์ส หรือโรคระบบทางเดินหายใจรุนแรงเฉียบพลัน เป็นแห่งแรกของโลก, การประกันภัยการขนส่งหมีแพนด้า
"ช่วง ช่วง" และ "หลินฮุ่ย" 2 ฑูตสันถวไมตรีไทย - จีน จากประเทศจีน, การประกันภัยแสตมป์มูลค่า 200 ล้านบาทในงาน
แสตมป์โลก และการรับประกันภัยความซื่อสัตย์ของสลากกินแบ่งรัฐบาล (เลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว) และในเดือนพฤศจิกายน
บริษัทได้เปลี่ยนประตูหน้าเป็นประตูด้านที่ติดกับถนนเทอดพระเกียรติ (ถนนเทียนร่วมมิตร) และใช้ชื่อประตูว่า ประตู
"ทิพยเทอดพระเกียรติ" เพื่อเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
พ.ศ.2547
เป็นบริษัทประกันวินาศภัยแห่งแรกของโลกที่รับประกันภัย "ไข้หวัดนก" ซึ่งกำลังระบาดอย่างหนักในขณะนั้นทำให้
เกษตรกรไทยลดความเสี่ยง และคลายความกังวลใจได้มากนอกจากนี้ยังเพิ่มศักยภาพการบริการด้วยการเข้าร่วมโครงการ
"ประกันทันใจ ด้วยบัตรใบเดียว" ของบริษัท เบสท์ เซอร์วิส (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นการขอสินเชื่อประกันภัยรถยนต์ โดยใช้
เพียง "บัตรประชาชน" เท่านั้น เป็นการเปิดโอกาสให้สำหรับกลุ่มลูกค้าใหม่อาทิเช่น พ่อค้า - แม่ค้า ที่ไม่มีหลักฐานแสดง
รายได้ให้สามารถขออนุมัติ สินเชื่อเพื่อทำประกันภัยรถยนต์ในโครงการได้ และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าด้วยการเปิด
สำนักงานตัวแทนที่ศรีราชาเป็นแห่งที่ 15 แห่ง

สำหรับปี 2548 ยังเน้นการขยายธุรกิจ ทั้งธุรกิจประกันภัย และการลงทุน โดยให้ความสำคัญกับการบริหารงานแบบมืออาชีพ และการพัฒนาประสิทธิภาพการบริการเพื่อให้มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งจะนำระบบวางแปน และตั้งงบประมาณเชิงสัมฤทธิเข้ามาประยุกต์ใช้ พร้อมทั้งจะดำเนินการขยายเครือข่ายให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น โดยจะเพิ่มสาขาอีก 4 แห่ง ในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ พร้อมเพิ่มสำนักงานตัวแทนอีก 5 แห่ง จากปัจจุบันที่มีสำนักงานสาขา 15 แห่ง และสำนักงานตัวแทน 17 แห่ง
พ.ศ.2548
นับเป็นปีที่เริ่มต้นด้วยความโศกเศร้าของคนไทยทั้งประเทศ จากเหตุการณ์มหันตภัยคลื่นยักษ์สึนามิ นำมาซึ่งความสูญเสีย
ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน บริษัทฯ ได้ส่งอาสาสมัครทิพยบรรเทาภัย "หน่วยหนุมาน" พร้อมรถบรรเทาภัยเพื่อประชาชน
ไปให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น และมีการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้ให้ความช่วยเหลือ และเป็น
กำลังใจให้พี่น้องชาวไทยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องคอยผวากับเหตุการณ์ความไม่สงบที่ยืดเยื้อมานาน
จึงได้จัดทำ Radio Spot เพลง "คนไทยไม่ทิ้งกัน" ขับร้องโดย คุณ กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี โดยมีเนื้อหาเพื่อเป็นขวัญ
และ กำลังใจให้กับทุกคนในสังคม

บริษัท ฯ ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลให้เป็นผู้รับประกันภัยการก่อการร้ายในพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้พี่น้องใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รู้สึกอบอุ่นและมั่นใจในแผ่นดินเกิดของตัวเอง และรับประกันภัยรถยนต์ทุกประเภทที่ติดตั้งอุปกรณ์เติมก๊าซ NGV เพื่อสนองนโยบายของรัฐในการประหยัดพลังงานที่ต้องการให้ประชาชนหันมาใช้ก๊าซ NGV

บริษัท ฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 240 ล้านบาทเป็น 300 ล้านบาท เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผล โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 60 ล้านบาท และยังได้ขยายการบริการสู่ภูมิภาคด้วยการเปิดสำนักงาน สาขาเพิ่มอีก 4 แห่งได้แก่ สาขาอุดรธานี สาขานนทบุรี สาขาเชียงาย และยังได้จัดทำโครงการ "Smart Branch" ฉลาดคน ฉลาดงาน ฉลาดพัฒนาสาขา เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานของสาขาทั่วประเทศ และยังมีการพัฒนาบุคลากร และการพัฒนาด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ควบคู่ไปด้วย จึงมีโครงการ"Dhipaya IT Year" ด้วยสโลแกน "ทิพยพันธุ์ใหม่ ก้าวไกลกับ IT Year" เพื่อให้พนักงานมีความตื่นตัวในการใช้ IT และนำมาพัฒนาการทำงานให้มี
ประสิทธิภาพมากขึ้น
พ.ศ.2549
เป็นปีมหามงคลยิ่งสำหรับปวงชนชาวไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี บริษัทฯ
จึงได้จัดกิจกรรมการกุศล และกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อาทิเช่น การสนับสนุนการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร ตามโครงการบูรณะปฏิสังขรณ์โบราณสถาน,ร่วมทำบุญทอดกฐินพระราชทานวัด 33 วัดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ประสบปัญหาภัยก่อการร้าย, ร่วมสร้างพระอุโบสถ วัดพระพุทธบาทสี่รอย จ.เชียงใหม่, ร่วมสร้างพระประธาน “พระพุทธรัตนมณีมหาปฏิมากร” เป็นต้น

ด้านการพัฒนาศักยภาพการให้บริการ ทิพยประกันภัยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ได้แก่

การออกกรมธรรม์ “ทิพยตะกาฟูล” ที่สอดคล้องกับการประกันภัยตามหลักศาสนาอิสลาม(Islamic Insurance)

โครงการ Bancassurance’ 2006 ที่ร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารออมสิน และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดผ่านพันธมิตรทั้ง 4 ราย และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้เข้าถึงการบริการของบริษัทได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

โครงการ “ประกันสังคม สุขใจ เมื่อประกันภัยกับทิพย” ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน มอบส่วนลดในการทำประกันวินาศภัยทุกประเภทให้กับนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ผู้ถือบัตรประกันสังคม รวมถึงบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาล และโครงการอื่นอีก เช่น การจำหน่าย พ.ร.บ. ผ่านสถานีบริการน้ำมันบางจาก และการทำประกันภัยการเดินทางผ่านตู้ Kiosk ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ฯลฯ

No comments: