Saturday, March 31, 2007

ประวัติ

บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด เกิดจากการควบรวมกิจการเป็นหนึ่งเดียวของ บริษัทนารายณ์สากลประกันภัย จำกัด และบริษัทคุ้มเกล้าประกันภัย จำกัด (มหาชน ) โดยทั้งสองบริษัทเป็น บริษัทประกันภัยชั้นนำของเมืองไทย ที่มีประสบการณ์ด้านประกันวินาศภัยอันยาวนาน และมั่นคงด้วยการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งในฐานะผู้ถือหุ้นหลักของ ลิเบอร์ตี้ มิวชวล กรุ๊ป สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่ให้บริการด้านการเงินและการประกันภัยรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก
บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด ให้บริการด้านประกันวินาศภัยทุกประเภท ทั้งการประกันภัยรถยนต์ อัคคีภัย การขนส่งสินค้าทางทะเลและภัยเบ็ดเตล็ด โดยให้บริการครอบคลุมทั้งลูกค้าบุคคล องค์กร และธุรกิจอุตสาหกรรม

บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด มีนโยบายมุ่งเน้นการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความอุ่นใจและความพึงพอใจสูงสุด

ปัจจุบันบริษัทฯ มีเครือข่ายสาขาทั้งสิ้น 33 แห่งและสำนักงานบริการลูกค้า รวมแล้วกว่า 40 แห่ง เพื่อให้บริการลูกค้าทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่

ชั้น 14, 15, 17 อาคารจัสมินซิตี้
เลขที่ 2 ซอยสุขุมวิท 23 ถนนสุขุมวิท
แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา
กรุงเทพมหานคร 10110
Tel (02) 661-6000




ลิเบอร์ตี้ มิวชวล กรุ๊ป สหรัฐอเมริกา เป็นกลุ่มบริษัทที่ให้บริการด้านการเงินและการประกันภัย ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก่อตั้งมาอย่างยาวนานมากกว่า 90 ปีและมีทรัพย์สินภายใต้การบริหารมากถึง 64,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 116 จากจำนวน 500 บริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน รวบรวมโดย ฟอร์จูน นิตยสารธุรกิจชั้นนำของโลก และได้รับการพิจารณาจากสถาบัน สแตนด์ดาร์ดแอนด์พัวส์ ( S&P) ว่ามีฐานะทางการเงินอยู่ในอันดับ A (strong) นอกจากนี้ยังได้รับการพิจารณาจากสถาบัน เอเอ็มเบส (A.M. Best) ให้อยู่ในอันดับ A (Excellent)
ลิเบอร์ตี้ มิวชวล กรุ๊ป มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจประกันภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจประกันภัยรถยนต์ ที่ได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดีในภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในละตินอเมริกา

ปัจจุบัน ลิเบอร์ตี้ มิวชวล กรุ๊ป มีสำนักงานทั่วโลกมากกว่า 900 แห่ง และมีพนักงานกว่า 38,000 คน เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร

ประวัติ

บริษัท คูเนีย ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (KIT) ก่อตั้งขึ้นในเดือน สิงหาคม 2544 หลังจาก Kurnia Damai Sdn. Bhd. ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท เอเชีย ไดนามิค ประกันภัย จำกัด ซึ่งเป็นการเริ่มแผน งานขยายตลาดในภูมิภาคเอเชีย โดยเริ่มที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรก ทุนสนับสนุนและทรัพยากรต่างๆ จำนวนมากถูกนำมาใช้ในการก่อตั้งบริษัทแห่งนี้ ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าบริษัท คูเนีย ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด จะสามารถก้าวผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ จนประสบความสำเร็จในระดับเดียว กับ Kurnia Insurans (Malaysia) Berhad ได้อย่างแน่นอน

เป็นบริษัทประกันวินาศภัยที่ใหญ่ที่สุดและประสบความสำเร็จสูงสุด ทั้งในประเทศมาเลเซียและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท คูเนีย ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด จะยึดหลักการดำเนินธุรกิจอันเป็นธรรมของกลุ่ม Kurnia ที่ประสบความสำเร็จมาเป็นแบบฉบับในการดำเนินธุรกิจ โดยเราจะมุ่งรักษาผลประโยชน์ของผู้เอาประกัน ตลอดจนเสนอผลตอบแทนและโอกาสทางธุรกิจที่ดีแก่หุ้นส่วนทางธุรกิจของบริษัทฯ

เพื่อเป็นนิมิตหมายที่ดีในการเริ่มต้นการดำเนินธุรกิจ บริษัท คูเนีย ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ได้ย้ายสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่ อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ในเดือน มกราคม 2545 และได้จัดตั้งสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อมอบการบริการที่ดีแก่ลูกค้า ปัจจุบันเรามีสาขาทั้งหมด 4 สาขา และอู่ในเครือมากกว่า 250 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงบุคลากรที่มีคุณภาพมากกว่า 160 คนที่จะคอยให้ความช่วยเหลือและให้การบริการที่ดีเยี่ยมแก่ลูกค้าและหุ้นส่วนทางธุรกิจของบริษัทฯ

ทัศนวิสัย

วิสัยทัศน์ของเรา "ความเป็นเลิศในการบริการ"

บริษัท คูเนีย ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด มุ่งหวังที่จะดำเนินธุรกิจอย่างยาวนาน จึงเสนอการบริการที่เป็นเลิศ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและเพิ่มพูนความเชื่อมั่นและไว้วางใจที่ลูกค้ามีต่อบริษัทฯ

เราจึงได้สร้างมาตรฐานในการปฏิบัติงาน ดังนี้
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า โดยการเสนอสินค้าและบริการ ที่สนองความต้องการของลูกค้า ภายใต้ระเบียบปฏิบัติและข้อบังคับทางกฎหมาย

ยึดหลัก "ทำสิ่งต่างๆ ให้ถูกต้องนับตั้งแต่ครั้งแรก"
ความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญเหนือกว่าความต้องการของบริษัทฯ

นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้ให้ความสำคัญในเรื่องมาตรฐานการบริการที่ดีแก่หุ้นส่วนทางธุรกิจ โดยการจัดหลักสูตรการฝึกอบรม และจัดตั้งนโยบายการบริการที่ดีแก่ลูกค้า อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้จัดเตรียมพนักงานให้พร้อม ที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า

บริษัท คูเนีย ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด จะไม่หันหลังกลับไปสู่อดีต แต่เราจะมุ่งตรงไปยังวิสัยทัศน์แห่งอนาคต เนื่องจากวิสัยทัศน์ หรือความสามารถที่จะมองเห็นโอกาสในอนาคต เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบริษัทฯ ในการเติบโตต่อไปในอนาคต

ภารกิจ

เน้นการบริการที่เป็นเลิศโดยใช้หลัก " Total Quality Management"
จัดหาสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและปลอดภัยให้แก่พนักงาน
ดูแลเอาใจใส่ต่อองค์กรและประชาชนอย่างต่อเนื่อง

บุคลากร


บริษัท คูเนีย ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ตระหนักดีว่าแม้องค์กรจะมีกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ดี และมีความรู้ความชำนาญ ด้านเทคนิคต่าง ๆ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเสริมสร้างให้บริษัทฯ เติบโตและประสบความสำเร็จได้ หาก ปราศจากบุคลากรที่ดีคอยสนับสนุน ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาพนักงาน โดยการจัดแผนการฝึกอบรม และพัฒนารูปแบบใหม่ ทั้งนี้ด้วยขบวนการคัดสรรและจัดหาบุคลากรอย่างมีคุณภาพ ตลอดจนการฝึกอบรมพนักงานดังกล่าว ทำให้เชื่อมั่นว่า บริษัท คูเนีย ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด จะสามารถเติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็งในธุรกิจประกันวินาศภัยของไทยอย่างแน่นอน

ประวัติ

บริษัท อลิอันซ์ ซี. พี. ประกันภัย จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง "กลุ่มอลิอันซ์" และ "เครือเจริญโภคภัณฑ์"
กลุ่มอลิอันซ์

บริษัท อลิอันซ์ เป็นหนึ่งในบริษัทฯประกันภัยที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ก่อตั้งเมื่อปี 1890 ในประเทศเยอรมนี มีประสบการณ์ในการรับประกันภัยมากกว่า 100 ปี
ให้บริการรับประกันภัยแก่ลูกค้ามากกว่า 60 ล้านคน ด้วยเครือข่ายสาขามากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก
อลิอันซ์ ได้รับการจัดอันดับสถานะทางการเงินในระดับแข็งแกร่งมาก (AA-) โดยสถาบันจัดอันดับ แสตนดาร์ด แอนด์ พัวร์


เครือเจริญโภคภัณฑ์ ( ซี. พี.)

เป็นกลุ่มธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ก่อตั้งมานานกว่า 80 ปี มีพนักงานในเครือรวมกันกว่า 120,000 คนทั่วโลก (ประกอบด้วยธุรกิจอาหารสัตว์ ฟาร์มกุ้ง ฟาร์มเป็ดไก่ ฟาร์มสุกร โรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ และ ร้านอาหาร )
ต่อมาได้ขยายสู่ธุรกิจโทรคมนาคมและการสื่อสาร ธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก ธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจประกันชีวีต และ ธุรกิจประกันภัย
เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 1 ของบริษัททั้งหมดในประเทศไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 5 จาก " นิตยสารฟาร์อีสเทิร์น อีโคโนมิค รีวิว" ว่าเป็นธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ สามารถตอบสนองให้ลูกค้าพึงพอใจ และมีความสามารถแข่งขันเชิงธุรกิจสูง


ด้วยความแข็งแกร่งด้านการเงิน บริการประกันภัยที่หลากหลาย และ ความมุ่งมั่นที่ให้บริการอย่างมืออาชีพ ทำให้เราพร้อมเป็น " พลังเคียงข้างคุณ "

ประวัติบริษัท

บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด ได้เริ่มเปิดดำเนินกิจการประกันวินาศภัย ภายใต้ชื่อ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด จนถึงปัจจุบันนับเป็นเวลา 50 ปี โดยเป็นสายงานหลักสายงานหนึ่งในการให้บริการรับประกันภัยครบวงจรทุกประเภท จากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพประกอบกับการให้บริการที่ ซื่อสัตย์สุจริตแก่ลูกค้าจนได้รับความไว้วางใจมาโดยตลอด ช่วยให้บริษัทฯ มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก



วันที่ 14 กรกฎาคม 2541
บริษัทฯได้ทำการจดทะเบียนแยกออกมาเป็น บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด ตามข้อกำหนดในพระราชบัญญัติประกันวินาศภัยพุทธศักราช 2535 เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2541 และประกอบการรับประกันภัยทุกประเภทในนามของบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2542 โดยมีคุณภูมิชาย ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณชัยยศ ติยะชาติ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัดอีกตำแหน่งหนึ่ง



วันที่ 1 มกราคม 2548
ได้มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการผู้จัดการเป็น คุณนวลพรรณ ล่ำซำ

Back to Top
จุดมุ่งหมาย
ความพอใจของลูกค้าเป็น ความสำคัญอันดับแรก
รับประกันภัยทุกประเภทด้วยเงื่อนไข และราคาที่เป็นธรรม
นำเทคโนยีสมัยใหม่มาใช้ในการทำงาน เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพเป็นที่พอใจของลูกค้า
พัฒนาระบบงานให้ตอบสนองต่อ ความต้องการของลูกค้า
ดูแลพนักงานให้ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องเงินเดือน มีสวัสดิการที่ดี และส่งเสริมการพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้า
ส่งเสริมให้ตัวแทน นายหน้า เป็นมืออาชีพทางด้านประกันภัย
เน้นการทำงานเป็นทีม

Back to Top
เครือข่ายคุณภาพ
บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด มั่นคงด้วยเครือข่ายของบริษัทในเครือ ดังนี้



ธุรกิจการเงิน

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม กสิกรไทย จำกัด
ธุรกิจประกันภัย/ประกันชีวิต

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด
บริษัท ภัทรประกันภัย จำกัด (มหาชน)
ธุรกิจการค้า

บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)
บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน)
บริษัท ภัทรคอมเพล็กซ์ จำกัด
บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน)

Back to Top
รายชื่อและสัดส่วนผู้ถือหุ้นกลุ่มใหญ่
บริษัท เมืองไทย โพร์ทิส โฮลดิ้ง จำกัด
Fortis Insurance International NV
อื่น ๆ
74.99 %
25.00 %
0.01 %

ประวัติ

บริษัท ไทยศรีประกันภัยจำกัด เดิมรู้จักกันในนามของบริษัท ไทยศรีซูริคประกันภัยจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกผสมที่เกิดจากความ ร่วมมือกันทางพันธมิตรระหว่าง กลุ่มซูริคไฟแนนเชียลเซอร์วิส (สัญชาติสวิสเซอร์แลนด์) และบริษัทไทยศรีนครประกันภัยจำกัด ต่อมาทางกลุ่มซูริคไฟแนนเชียลเซอร์วิส ได้ทำการปรับเปลี่ยน นโยบายทางธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการทำธุรกิจในส่วนภาคพื้นที่ทาง กลุ่มได้ถือกำเนิดมา ดังนั้นเพื่อเป็นการดำเนินการให้สอดคล้อง กับนโยบายหลักของกลุ่ม ในวันที่ 22 ธันวาคม 2547 ที่ผ่านมา ทางผู้ถือหุ้นเดิมตระกูลศรีเฟื่องฟุ้ง จึงแสดงเจตน์จำนงในการ ซื้อหุ้นในส่วนของกลุ่มซูริคไฟแนนเชียลเซอร์วิส โดยมีตระกูล พานิชชีวะ ซึ่งมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินและการ บริหารงานธุรกิจที่มีความเป็นสากล เข้ามาถือหุ่นในส่วนของ กลุ่มซูริคไฟแนนเชียลเซอร์วิส


บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด ปัจจุบันมีจำนวนผ้บริหารและ พนักงานรวมกันมากกว่า 570 คน โดยมีสาขา สำนักงานตัวแทน และศูนย์บริการมากกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ จากประสบการณ์ ในการให้บริการทางด้านธุรกิจประกันวินาศภัย มากกว่า 50 ปี การอุทิศตนในการให้บริการลูกค้า การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา การให้การบริการที่มีความน่าเชื่อถือ และความ แข็งแกร่งทางด้านการเงิน ทำให้บริษัทมีความรู้และความเข้าใจ ถึงความต้องการของลูกค่า จึงทำให้ลูกค้าให้ความไว้วางใจใน การให้บริการของเรา ความตั้งใจของเราคือการให้การบริการที่ ให้ประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้าโดยการนำเสนอการให้บริการด้าน การจัดการความเสี่ยงที่มีรูปแบบแตกต่างกันตามความต้องการ และความเหมาะสมของลูกค้าแต่ละท่าน



บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด ประกอบไปด้วยสายงาน ยุทธศาสตร์ธุรกิจ 2 สายงานหลัก ที่สนองตอบตลาดกลุ่มลูกค้า เป้าหมายที่แตกต่างกันไป
สายงานธุรกิจลูกค้ารายย่อยและธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่ง ดูแลลูกค้าที่เป็นรายเดี่ยว ครอบครัว ธุรกิจขนาดเล็ก และธุรกิจ ที่ประกอบการภายในประเทศ
สายงานธุรกิจสากล และองค์กร ที่ครอบคลุมลูกค้าที่ เป็นองค์กรระดับสากลขนาดใหญ่ ลูกค้าต่างชาติรายเดี่ยว

1. สายงานยุทธศาสตร์ธุรกิจที่ดูแลลูกค้ารายย่อยและธุรกิจที่มีขนาดเล็ก

สายงานยุทธศาสตร์ธุรกิจลูกค้ารายย่อยและธุรกิจขนาดเล็ก ประกอบด้วยผู้บริหาร และพนักงานที่มีคุณภาพ และมี ประสบการณ์มากมาย เมื่อผนวกรวมเข้ากัน จึงสามารถเข้าใจถึง ความต้องการ และความคาดหวังในการได้รับบริการของกลุ่ม ลูกค้ารายย่อยในประเทศได้เป็นอย่างดี จึงทำให้สายงานธุรกิจนี้ ทำหน้าที่ดูแลการพัฒนากรมธรรม์เพื่อสนองตอบความต้องการ ของลูกค้าเฉพาะราย และกลุ่มลูกค้าที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กได้ อย่างแท้จริง


2. สายงานธุรกิจสากลและองค์กร

ด้วยบุคลากรคุณภาพที่มีภูมิหลัง และประสบการณ์การทำงาน ที่หลากหลาย ซึ่งนับว่ามีความสำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่ง การ เสนอรูปแบบความคุ้มครองที่มีความเหมาะสม ครบถ่วน และ สมบูรณ์อย่างแท้จริงนั้น ต้องอาศัยการทำงานอย่างใกล้ชิดร่วม กันระหว่างบุคคลที่มาจากหลากหลายสาขา หน่วยงานวิศวกร ประเมินความเสี่ยงภัยจะทำหนŒาที่ระบุความเสี่ยงภัยที่ลูกค้ามี พร้อมทำการประเมินและปรับปรุงความเสี่ยงภัยนั้นๆ เพื่อเป็น การลดความเป็นไปได้ของความเสียหายสิ้นเชิง (total loss exposure) ของลูกค้า ขณะเดียวกันหน่วยงานรับประกันภัย จะพิจารณาถึงสถานภาพทางการเงินและความต้องการของลูกค่า เพื่อนำเสนอกรมธรรม์ที่เป็นเอกลักษณ์ และสนองตอบความ ต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง ในขณะที่ทีมบริหารงาน อุบัติเหตุจะดูแลขั้นตอนสุดท้าย โดยมองถึงความต้องการพิเศษ ของลูกค้า หลังจากที่เกิดความเสียหายขึ้น ทีมงานของสายงาน ธุรกิจสากล และองค์กร จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อให้ความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาที่ตรงประเด็น อันผลจากความ สัมพันธ์ที่แนบแน่นมาอย่างยาวนาน ร่วมกับบริษัทนายหน้า ประกันภัยชั้นนำ ตลอดไปจนถึงลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งความ สัมพันธนี้ได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นในระยะหลายปีที่ผ่านมา

ประวัติ

บริษัท เอเชียประกันภัย1950 จำกัด
จดทะเบียนก่อตั้งครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2493 ภายใต้ชื่อ บริษัท ยั่งยืนประกันภัย จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจ
ด้านการประกันภัย ต่อมาในปี พ.ศ. 2512 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอเชียทรัสต์ประกันภัย จำกัด และเปลี่ยนเป็น
บริษัท เอเชียสากลประกันภัย จำกัด ในปี พ.ศ.2527

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2546 ได้มีการเปลี่ยนฝ่ายบริหารและกลุ่มผู้ถือหุ้นชุดใหม่ พร้อมกับย้าย
ที่ทำการสำนักงานใหญ่มาอยู่เลขที่ 183 อาคารรีเจ้นท์เฮ้าส์ ชั้น 12 ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน
กรุงเทพฯ 10330 และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด เนื่องในโอกาสครบรอบ 55 ปีบริษัทฯ
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2548

จากประสบการณ์ยาวนานกว่า 55 ปี ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพแห่ง บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด ได้เป็นอย่างดี พร้อมกันนี้บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการให้บริการโดยยึดหลักการดำเนินตามหลักสุจริต
และซื่อตรงเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เอาประกัน

ทั้งนี้ คณะกรรมการและผู้บริหารชุดใหม่ มีนโยบายและเป้าหมายที่จะพัฒนา บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด
ให้เป็นบริษัทประกันวินาศภัยระดับมาตรฐานสากลโลก สร้างความมั่นคงในด้านสินทรัพย์ทุนจดทะเบียนจาก
30 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2546 เป็น 100 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2548และเพิ่มเป็น 300 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2549 พร้อมกับ
เพิ่มรายได้จากธุรกิจการรับประกันภัยจาก 55 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2546 เป็น 200 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2547 เป็น
400 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2548 และเพิ่มขึ้นเป็นลำดับจนติดอยู่ในอันดับต้นๆของบริษัทประกันภัยชั้นแนวหน้า
ทั้งรายได้ รับประกันภัยและความมั่นคงด้านกองทุนสำรอง ภายใน 5 ปี โดยนโยบายการบริหารจะให้ความสำคัญ
ต่อความเป็นมืออาชีพเฉพาะด้านการประกันวินาศภัยความเป็นเลิศด้านบริการและความสุจริตใจสูงสุดต่อ
ผู้ถือกรมธรรม์

ประวัติ

พ.ศ.2494
บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด ก่อตั้งเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2494 โดย ฯพณฯ
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ด้วยทุนจดทะเบียน 2,000,000 บาท
พ.ศ.2507
ทางราชการได้รับโอนหุ้นของ ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และท่านผู้หญิงวิจิตรา
ธนะรัชต์ มาเป็นของกระทรวงการคลังส่วนหนึ่ง
พ.ศ.2518
ทางราชการได้รับโอนหุ้นของ ฯพณฯ จอมพลประภาส จารุเสถียร เป็นของกระทรวง
การคลังอีกส่วนหนึ่ง ทำให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทถึง 55.6% เป็น
ผลให้ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการคลัง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
พ.ศ.2533
บริษัทฯ ได้เปิดทำการที่อาคารสำนักงานใหญ่ ซึ่งเป็นของตนเอง เป็นอาคาร 7 ชั้น ตั้งอยู่ ณ 63/2 ถนนพระราม 9
ห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2533 และบริษัทฯ ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นบริษัทดีเด่นแห่งปี
ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติ สูงสุดของบริษัทฯและพนักงานทุกคน
พ.ศ.2536
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลังกระจายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทฯ อาทิ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด
(มหาชน) และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังเหลือเพียง 5.24 %
พ.ศ.2537
บริษัทฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 80 ล้านบาทเป็น 240 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 24,000,000 หุ้น
มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 10 บาท และในเดือนมีนาคม พ.ศ.2538 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้แปรสภาพบริษัทฯ จาก
รัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทมหาชน และในเดือนมิถุนายนปีเดียวกันนี้ณะรัฐมนตรีได้อนุมัติในหลักการเรื่องการแปรรูปเป็น
บริษัทมหาชน ทั้งนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 อีกทั้ง
ยังเป็นการเตรียมการบริษัทฯ ให้มีความคล่องตัวในการดำเนินงาน และพร้อมที่จะแข่งขันในภาวะการแข่งขันเสรี
ของธุรกิจประกันภัยตามข้อตกลงของแกตต์ (GATT)
พ.ศ.2538
บริษัทฯ ได้ดำเนินการจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัท มหาชน จำกัด ต่อกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ พร้อมทั้ง
เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ.2538 โดยมี กระทรวงการคลัง,
ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารออมสิน และ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
พ.ศ.2542
บริษัทฯ ได้รับการรับรองระบบบริหารคุณภาพ ISO 9002 จากสถาบัน SGS Yarsley International
Certification Services Limited แห่งประเทศอังกฤษ ทำให้ทิพยประกันภัยเป็น "บริษัทประกันวินาศภัยแห่งแรก
ของไทยที่ได้ ISO 9002 ทุกระบบขององค์กร"
พ.ศ.2544
ครบรอบ 50 ปี แห่งความมั่นคง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯได้พัฒนาขีดความสามารถในการให้บริการอย่างไม่
หยุดยั้ง ผนวกกับบริษัทฯ มีผู้ถือหุ้นที่เป็นองค์กรที่มีความมั่นคงและมีชื่อเสียง ทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากทั้ง
ภาครัฐ และ เอกชน ให้เป็นผู้รับประกันภัยในโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นแรงผลักดัน ให้บริษัทฯ ก้าวขึ้นสู่ ความเป็นผู้นำ
ด้านประกันวินาศภัยของประเทศ โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมติดอันดับ 2ของกลุ่มบริษัทประกันวินาศภัยกว่า 77 บริษัท
และมีเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ดสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ
พ.ศ.2545
บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพการบริการอย่างต่อเนื่อง โดยนำระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001 : 2000
เข้ามาประยุกต์ใช้กับระบบเดิม เพื่อพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการบริการให้ดียิ่งขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และเพื่อก้าวสู่ความเป็น
เลิศในการบริการ บริษัทฯจึงได้เปิด Dhipaya Service Center (DSC) หรือศูนย์ทิพยบริการเพื่อเพิ่มศักยภาพ
การให้บริการแบบครบวงจร One Stop Serviceเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการอำนวยความสะดวก รวดเร็ว
สำหรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ติดต่อทำประกัน,การติดต่อสอบถาม, การติดต่อประสานงานเรื่องต่างๆ เป็นต้น รวมทั้ง
ให้คำปรึกษาแนะนำทางโทรศัพท์นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้เปิด Claims Photo Centerศูนย์การบริการเคลมรูปแบบ
ใหม่เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการด้านสินไหมรถยนต์อีกด้วย
พ.ศ.2546
บริษัทฯ ได้รับเกียรติบัตร The Best Performance - Financials 2003 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ในฐานะที่ได้รับคัดเลือกเข้าชิงรางวัลดังกล่าวเพียง 5 บริษัทเท่านั้น จากบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาล ให้เป็นผู้รับประกันภัยงานระดับชาติด้วย ได้แก่ การประกันภัย
โรคซาร์ส หรือโรคระบบทางเดินหายใจรุนแรงเฉียบพลัน เป็นแห่งแรกของโลก, การประกันภัยการขนส่งหมีแพนด้า
"ช่วง ช่วง" และ "หลินฮุ่ย" 2 ฑูตสันถวไมตรีไทย - จีน จากประเทศจีน, การประกันภัยแสตมป์มูลค่า 200 ล้านบาทในงาน
แสตมป์โลก และการรับประกันภัยความซื่อสัตย์ของสลากกินแบ่งรัฐบาล (เลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว) และในเดือนพฤศจิกายน
บริษัทได้เปลี่ยนประตูหน้าเป็นประตูด้านที่ติดกับถนนเทอดพระเกียรติ (ถนนเทียนร่วมมิตร) และใช้ชื่อประตูว่า ประตู
"ทิพยเทอดพระเกียรติ" เพื่อเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
พ.ศ.2547
เป็นบริษัทประกันวินาศภัยแห่งแรกของโลกที่รับประกันภัย "ไข้หวัดนก" ซึ่งกำลังระบาดอย่างหนักในขณะนั้นทำให้
เกษตรกรไทยลดความเสี่ยง และคลายความกังวลใจได้มากนอกจากนี้ยังเพิ่มศักยภาพการบริการด้วยการเข้าร่วมโครงการ
"ประกันทันใจ ด้วยบัตรใบเดียว" ของบริษัท เบสท์ เซอร์วิส (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นการขอสินเชื่อประกันภัยรถยนต์ โดยใช้
เพียง "บัตรประชาชน" เท่านั้น เป็นการเปิดโอกาสให้สำหรับกลุ่มลูกค้าใหม่อาทิเช่น พ่อค้า - แม่ค้า ที่ไม่มีหลักฐานแสดง
รายได้ให้สามารถขออนุมัติ สินเชื่อเพื่อทำประกันภัยรถยนต์ในโครงการได้ และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าด้วยการเปิด
สำนักงานตัวแทนที่ศรีราชาเป็นแห่งที่ 15 แห่ง

สำหรับปี 2548 ยังเน้นการขยายธุรกิจ ทั้งธุรกิจประกันภัย และการลงทุน โดยให้ความสำคัญกับการบริหารงานแบบมืออาชีพ และการพัฒนาประสิทธิภาพการบริการเพื่อให้มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งจะนำระบบวางแปน และตั้งงบประมาณเชิงสัมฤทธิเข้ามาประยุกต์ใช้ พร้อมทั้งจะดำเนินการขยายเครือข่ายให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น โดยจะเพิ่มสาขาอีก 4 แห่ง ในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ พร้อมเพิ่มสำนักงานตัวแทนอีก 5 แห่ง จากปัจจุบันที่มีสำนักงานสาขา 15 แห่ง และสำนักงานตัวแทน 17 แห่ง
พ.ศ.2548
นับเป็นปีที่เริ่มต้นด้วยความโศกเศร้าของคนไทยทั้งประเทศ จากเหตุการณ์มหันตภัยคลื่นยักษ์สึนามิ นำมาซึ่งความสูญเสีย
ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน บริษัทฯ ได้ส่งอาสาสมัครทิพยบรรเทาภัย "หน่วยหนุมาน" พร้อมรถบรรเทาภัยเพื่อประชาชน
ไปให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น และมีการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้ให้ความช่วยเหลือ และเป็น
กำลังใจให้พี่น้องชาวไทยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องคอยผวากับเหตุการณ์ความไม่สงบที่ยืดเยื้อมานาน
จึงได้จัดทำ Radio Spot เพลง "คนไทยไม่ทิ้งกัน" ขับร้องโดย คุณ กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี โดยมีเนื้อหาเพื่อเป็นขวัญ
และ กำลังใจให้กับทุกคนในสังคม

บริษัท ฯ ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลให้เป็นผู้รับประกันภัยการก่อการร้ายในพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้พี่น้องใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รู้สึกอบอุ่นและมั่นใจในแผ่นดินเกิดของตัวเอง และรับประกันภัยรถยนต์ทุกประเภทที่ติดตั้งอุปกรณ์เติมก๊าซ NGV เพื่อสนองนโยบายของรัฐในการประหยัดพลังงานที่ต้องการให้ประชาชนหันมาใช้ก๊าซ NGV

บริษัท ฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 240 ล้านบาทเป็น 300 ล้านบาท เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผล โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 60 ล้านบาท และยังได้ขยายการบริการสู่ภูมิภาคด้วยการเปิดสำนักงาน สาขาเพิ่มอีก 4 แห่งได้แก่ สาขาอุดรธานี สาขานนทบุรี สาขาเชียงาย และยังได้จัดทำโครงการ "Smart Branch" ฉลาดคน ฉลาดงาน ฉลาดพัฒนาสาขา เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานของสาขาทั่วประเทศ และยังมีการพัฒนาบุคลากร และการพัฒนาด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ควบคู่ไปด้วย จึงมีโครงการ"Dhipaya IT Year" ด้วยสโลแกน "ทิพยพันธุ์ใหม่ ก้าวไกลกับ IT Year" เพื่อให้พนักงานมีความตื่นตัวในการใช้ IT และนำมาพัฒนาการทำงานให้มี
ประสิทธิภาพมากขึ้น
พ.ศ.2549
เป็นปีมหามงคลยิ่งสำหรับปวงชนชาวไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี บริษัทฯ
จึงได้จัดกิจกรรมการกุศล และกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อาทิเช่น การสนับสนุนการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร ตามโครงการบูรณะปฏิสังขรณ์โบราณสถาน,ร่วมทำบุญทอดกฐินพระราชทานวัด 33 วัดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ประสบปัญหาภัยก่อการร้าย, ร่วมสร้างพระอุโบสถ วัดพระพุทธบาทสี่รอย จ.เชียงใหม่, ร่วมสร้างพระประธาน “พระพุทธรัตนมณีมหาปฏิมากร” เป็นต้น

ด้านการพัฒนาศักยภาพการให้บริการ ทิพยประกันภัยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ได้แก่

การออกกรมธรรม์ “ทิพยตะกาฟูล” ที่สอดคล้องกับการประกันภัยตามหลักศาสนาอิสลาม(Islamic Insurance)

โครงการ Bancassurance’ 2006 ที่ร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารออมสิน และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดผ่านพันธมิตรทั้ง 4 ราย และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้เข้าถึงการบริการของบริษัทได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

โครงการ “ประกันสังคม สุขใจ เมื่อประกันภัยกับทิพย” ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน มอบส่วนลดในการทำประกันวินาศภัยทุกประเภทให้กับนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ผู้ถือบัตรประกันสังคม รวมถึงบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาล และโครงการอื่นอีก เช่น การจำหน่าย พ.ร.บ. ผ่านสถานีบริการน้ำมันบางจาก และการทำประกันภัยการเดินทางผ่านตู้ Kiosk ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ฯลฯ

ประวัติ

บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด เป็นหนึ่งในบริษัทประกันภัยใหม่ที่ก่อตั้งขึ้น
ในปี 2540 ตามนโยบายของรัฐบาลในการเตรียมความพร้อมของประเทศ
ต่อการเปิดเสรีธุรกิจประกันภัยด้วยทุนจดทะเบียนชำระเต็ม 300 ล้านบาท
โดยเป็นบริษัทในเครือบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุน
ที่มั่นคงที่สุดในประเทศไทยในปัจจุบัน
ปัจจุบันเราให้บริการ การประกันวินาศภัย (Non-Life Insurance)
ทุกประเภท พัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพการประกัน โดยมีแนวนโยบายที่จะนำ เสนอบริการประกันภัยในรูปแบบใหม่ที่มี โดยการเน้นการพัฒนาและเติมคุณค่าแก่ บริการให้ตรงกับความต้องการเฉพาะของลูกค้าให้ดีที่สุด (Customer Oriented

ประวัติ

ความเป็นมาของการประกันภัยในประเทศไทย

การประกันวินาศภัยในประเทศไทย เริ่มเกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศต่างๆ หลายประเทศ เนื่องจากมีทำเลที่ตั้งเหมาะสม ทำให้เป็นเมืองท่าสำคัญในเขตภูมิภาคนี้ โดยในสมัยนั้นวิธีการขนส่งที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นการขนส่งทางน้ำ อย่างไรก็ตาม การขนส่งทางน้ำต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติอยู่เนืองๆ ทำให้ชาวต่างประเทศที่ค้าขายกับกรุงศรีอยุธยารวมตัวกันจัดให้มีการประกันภัยทางทะเลและขนส่งขึ้นเป็นครั้งแรกในกลุ่มของพวกตน โดยยังไม่มีกฎหมายรองรับ จนกระทั่งปี ร.ศ. 130 ( พ.ศ. 2454) จึงมีการออกกฎหมายเกี่ยวกับการประกันภัยเป็นครั้งแรก คือ พระราชบัญญัติลักษณะเข้าหุ้นส่วน และบริษัท ร.ศ. 130 และประกาศประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2468 ซึ่งกำหนดให้ผู้ประสงค์จะประกอบการธุรกิจประกันภัยต้องได้รับพระบรมราชานุญาตก่อน

ความเป็นมาของบริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ถือกำเนิดขึ้นจากพระราชดำริ ของ สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า สมเด็จย่าของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯด้วยทรงเล็งเห็นว่าควรจัดตั้งบริษัทประกันภัยของคนไทยขึ้น เพื่อมิให้สูญเสียเงินตราแก่ต่างประเทศ ดังนั้น ด้วยความร่วมมือจากพระประยูรญาติ เชื้อพระวงศ์ ข้าราชการ และพ่อค้าคหบดีในสมัยนั้น บริษัทฯจึงได้เริ่มเปิดดำเนินการในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2481 ภายใต้ชื่อ "บริษัทสยามประกันภัย จำกัด" ดำเนินธุรกิจรับประกันวินาศภัยทุกชนิด นับเป็นบริษัทประกันภัยของ
คนไทยบริษัทแรกที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2482 รัฐบาลได้เปลี่ยนชื่อประเทศสยาม เป็นประเทศไทย ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯจึงมีมติให้เปลี่ยนชื่อบริษัทฯเป็น "บริษัทไทยประกันภัย จำกัด"และได้รับพระราชทานตราตั้งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯในปีเดียวกัน
ในปี พ.ศ. 2492 ได้เข้าร่วมถือหุ้นในธนาคารไทยทนุ จำกัด ในปี พ.ศ. 2492 มีการขยายงานรับประกันภัย ปฏิรูปการบริหารงานภายใน และมีการเพิ่มทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเติบโตจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2519 ได้นำหุ้นสามัญของบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยใช้ชื่อย่อ TIC นับเป็นบริษัทประกันภัยบริษัทแรกที่เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2536

ในปี พ.ศ. 2546 บริษัทฯ ได้รับรางวัล Best Corporate Governance Report Award จาก Set Award 2003 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับบริษัท จดทะเบียนที่โดดเด่นในด้านการรายงานปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี 15 ข้อตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด

ปัจจุบัน บริษัทฯมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ อาคารไทยประกันภัย เลขที่ 34/3 ซอยหลังสวน ถนนเพลินจิต เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร และมีสาขา 6 แห่งในเขตจังหวัด ชลบุรี ระยอง ขอนแก่น นครราชสีมา พิษณุโลก และเชียงใหม่ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมาย ที่จะขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการให้บริการในอนาคต

คณะกรรมการ

คณะกรรมการบริษัท


ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานกรรมการ

ม.ร.ว.ยงสวาสดิ์ กฤดากร กรรมการ

นายมนตรี มงคลสวัสดิ์ กรรมการ
กรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร

นายอวิรุทธ์ วงศ์พุทธพิทักษ์ กรรมการ
ประธานคณะกรรมการบริหาร

นายนะเพ็งพาแสง กฤษณามระ กรรมการ
กรรมการบริหาร

ดร.ชาญชัย มุสิกนิศากร กรรมการ
ประธานคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน

นายสมโภชน์ อินทรานุกูล กรรมการอิสระ
ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ
กรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน

นายวีระศักดิ์ โตกะคุณะ กรรมการอิสระ
กรรมการตรวจสอบ

นางพรรณโสภิต ลิขิตธรรมนิตย์ กรรมการอิสระ
กรรมการตรวจสอบ

นายอารักษ์ สุนทรส กรรมการ

นายอนันต์ เกษเกษมสุข กรรมการผู้จัดการ
กรรมการบริหาร

ผู้บริหารบริษัท


นายอนันต์ เกษเกษมสุข กรรมการผู้จัดการ
กรรมการบริหาร

นายสุประดิษฐ์ รามอินทรา รองกรรมการผู้จัดการสายพัฒนาธุรกิจ

นายชาติชาย ชินเวชกิจวานิชย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายธุรกิจประกันภัย 1

นายสันติ เอี่ยมวุฒิปรีชา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายธุรกิจประกันภัย 2

นายปรีชา วิทวัสการเวช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายสนับสนุนธุรกิจ

นายอำนาจ โล่ห์สุวรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการบริหาร

กลุ่มผู้ถือหุ้น

ชื่อ จำนวนหุ้น สัดส่วน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 24,000 0.20%
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
10,403,806
86.70%

บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด
1,042,200
8.69%

คณะบุคคล นายสมเกียรติ นางกิ่งกาญจน์ นายวศิน วงศ์รัตน์ โดยนายสมเกียรติ วงศ์รัตน์
62,460
0.52%

นายประดิษฐ รอดลอยทุกข์
62,020
0.52%

นายผาด ศรีวณิช 33,500 0.28%
นายสายัณห์ ตันติพาณิชย์กูล 27,200 0.23%
นายธนวิทย์ ดุษฎีสุรพจน์ 20,600 0.17%
นายสุนทร รักศานติวงศ์ 17,200 0.14%
นายวิบูลย์ สุขอวยชัย 13,000 0.11%
ผู้ถือหุ้นอื่นๆ
294,014
2.45%

รวม 12,000,000 100.00%

ประวัติ

ก่อนหน้าปี พ.ศ. 2489 รัฐบาลไทย โดยกระทรวงการคลังต้องรับภาระจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยองค์การต่าง ๆ ของรัฐบาลให้แก่บริษัทประกันภัยปีหนึ่ง ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นปัญหาที่น่าจะรับการแก้ไข โดยให้หน่วยงานของรัฐบาลจัดตั้งบริษัทประกันภัยขึ้นมาเสียเอง ดังนั้น นายวิจิตร ลุลิตานนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในสมัยนั้น จึงได้แจ้งนโยบายพิเศษให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จัดตั้งบริษัทประกันภัยขึ้นมา โดยเจตนารมย์ที่แจ้งเป็นวัตถุประสงค์ไว้ในการประชุม “คณะกรรมการที่ปรึกษาจัดระเบียบทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์” ครั้งที่ 9/2489 วันที่ 16 กันยายน 2489 ว่า

“เพื่อรัฐบาลจะได้ประกันภัยองค์การของรัฐบาลไว้กับบริษัทนี้ ซึ่งเท่ากับเป็นส่วนหนึ่งขององค์การรัฐบาล ก็จะเป็นการช่วยรายจ่ายของรัฐบาลได้อย่างมากส่วนหนึ่ง”

อีก 28 วันต่อมา เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2489 นายวิจิตร ลุลิตานนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เป็นประธานที่ประชุมคณะกรรมการจัดตั้งบริษัทประกันภัยตามนโยบายพิเศษที่ได้ให้แก่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไว้แล้ว และให้การรับรองชื่อบริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด ตามที่นายปราโมทย์ พึ่งสุนทร ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินฯ เป็นผู้เสนอ

บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2490 โดยมีพนักงานเพียง 5 คน ทำงานเป็นเสมือนหน่วยงานส่วนหนึ่งของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ณ อาคารเลขที่ 173 วังลดาวัลย์ ถนนราชสีมาเหนือ เทเวศร์ กรุงเทพฯ และได้ย้ายจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มาดำเนินธุรกิจที่มั่นคงด้วยหลักการ “คุ้มภัยด้วยหลักฐาน บริการด้วยไมตรี” เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2530 ณ อาคารเทเวศประกันภัย ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพมหานคร 10200


นอกจากการประกันอัคคีภัยทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ของบริษัทฯ ในระยะแรก ๆ แล้ว บริษัทฯ ยังได้ขยายกิจการรับประกันภัยอัคคีภัยทั่วไป รับประกันภัยทางทะเลและขนส่งในปี 2518 และขยายกิจการรับประกันภัยเบ็ดเตล็ดในปี 2521 ซึ่งมีแบบกรมธรรม์ที่สามารถให้ความคุ้มครองอย่างกว้างขวางแก่ทุกประเภทของภัย สำหรับการประกันภัยรถยนต์ บริษัทฯ ได้เปิดบริการขึ้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2532

ประวัติ

บริษัท สัมพันธ์ประกันภัย จำกัด หนึ่งในบริษัทประกันภัยชั้นนำของประเทศ
เริ่มประกอบการในนามของ บริษัท สัมพันธ์ประกันภัย จำกัด เมื่อปี พ.ศ. 2539
ด้วยทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท การดำเนินงานของบริษัทฯประสบความสำเร็จ
มาโดยตลอด มีอัตราการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันบริษัทฯ ได้จดทะเบียนเพิ่มทุนเป็น 1,200 ล้านบาท(ชำระเต็มมูลค่า)
มีส่วนแบ่งตลาดด้านประกันภัยรถยนต์สูงเป็นอันดับ 2 และมีสาขาพร้อมให้บริการ
ทั่วประเทศมากกว่า200 แห่ง

บริษัทฯ ได้ตั้งปณิธานและกำหนดนโยบายว่า....

“จะประกอบธุรกิจด้วยการยึดมั่นในหลักคุณธรรมและความซื่อสัตย์สุจริต”
และมีความมุ่งมั่น ที่จะพัฒนาให้บริการในรูปแบบต่างๆ ต่อไป อย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เอาประกันภัย
นอกเหนือจากความคุ้มครองที่ได้รับตามกรมธรรม ์ เช่นโครงการรถใช้ระหว่างซ่อม ซึ่งบริษัทฯเป็นบริษัทประกันวินาศภัย
แห่งแรก ที่ได้จัดหารถยนต์ให้ผู้เอาประกันภัยได้ใช้ ในขณะนำรถยนต์เข้าซ่อมกับอู่ในโครงการฯ การให้บริการช่วยเหลือ
ฉุกเฉิน 24ช.ม.การให้บริการรับแจ้งอุบัติเหตุตลอด24ช.ม.ที่สำนักงานใหญ่ สาขาหรือศูนย์บริการที่มีมากกว่า200 แห่ง
ส่งผลให้บริษัทฯได้รับการยอมรับ และ ได้รับความไว้วางใจจากผู้เอาประกันภัยโดยทั่วไป

บริษัทประกันภัยอันดับหนึ่ง

บริษัทประกันภัยอันดับหนึ่ง

ส่วนแบ่งตลาดรับประกันวินาศภัยทั้งระบบ (พิจารณาจากเบี้ยประกันภัยรับตรง) ปี 2548

บริษัท ส่วนแบ่งตลาด (%) ปี 2548 ส่วนแบ่งการตลาด (%) ปี 2547

1. วิริยะประกันภัย 13.39/ 13.55
2. ทิพยประกันภัย 8.39/ 7.95
3. กรุงเทพประกันภัย 6.73/ 6.64
อื่นๆ (73 บริษัท) 71.49/ 71.86
รวม 100/ 100

ที่มา: กองส่งเสริมการประกันภัยและสารสนเทศ กรมการประกันภัย


รางวัลเกียรติยศ
ทุนแห่งความดีที่มีให้สังคม ผลลัพธ์คือความเป็นหนึ่งของวิริยะ

Brand Age 2004-2005
วิริยะแบรนด์ อันดับหนึ่งของหมวดบริษัทประกันภัยที่น่าเชื่อถือที่สุด 2 ปีซ้อนผลงานจากการวิจัย Thailand’s Most Admired Brand และ Why we buy โดยนิตยสาร Brand Age ย่อมเป็นสิ่งยืนยัน แบรนด์ ซึ่งผู้บริโภคให้ความเชื่อถือ และรู้สึกว่าน่าซื้อ
Best Insurance Company 2004-2005
รางวัลเกียรติยศด้านประกันภัย ภายในงาน Motor show ที่ได้รับการคัดสรร โดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จากสมาคมวิศวกรรรมยานยนต์ไทย สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ไทย ราชยานยนต์แห่งประเทศไทย และบริษัทกรังค์ปรีซ์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
Super Brand 2004-2005
การสร้างความอบอุ่นใจ และพึงพอใจให้เกิดแก่ลูกค้าทุกระดับด้วยการบริการตรงต่อความต้องการของลูกค้า สร้างความแตกต่างจากบริษัทประกันภัยอื่น ทำให้ผู้บริโภคเทคะแนนให้เป็นสุดยอด แบรนด์ (โกลด์) ของประเทศไทย ในหมวด บริษัทประกันภัย ผลจากการสำรวจโดย นิตยสาร Reader’s digest

ประวัติบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด

ประวัติบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด
"60 ปีแห่งความภูมิใจกับวิริยะประกันภัย"

บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด ได้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2490 และเริ่มให้บริการธุรกิจด้านการประกันภัย ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ “บริษัท อาเซียพาณิชยการ (ประกันภัย) จำกัด” โดยเริ่มต้นให้บริการ การประกันอัคคีภัย และการประกันภัยขนส่งทางทะเล ภายใต้การบริหารงานของ คุณ เล็ก วิริยะพันธุ์ ตั้งอยู่ที่ถนน กรุงเกษม เขต ป้อมปราบ ต่อมาในปี พ.ศ. 2524 ได้เพิ่มการบริการด้านการประกันภัยรถยนต์ และการประกันภัยเบ็ดเตล็ด
ต่อมาในปี พ.ศ. 2525 คณะกรรมการได้มีมติให้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด เพื่อสอดคล้องกับบริษัทเดิมคือ บริษัท วิริยะพานิช จำกัด ผู้ผลิต และจำหน่ายน้ำมันทาไม้ตราปลาตะเพียน และยาแก้ไอวิริยะ

นับจากนั้นเป็นต้นมา บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด มีความโดดเด่นในผลการดำเนินงานโดยตลอด จนกระทั่งบริษัทฯ สามารถครองส่วนแบ่งตลาดประกันวินาศภัยอันดับหนึ่งในปี พ.ศ. 2535
จากความพร้อม และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจ ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น บริษัทฯ จึงได้ขยายสำนักงานเพิ่มมายังทำเลใจกลางย่านธุรกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 จนถึงวันนี้ บริษัท วิริยะประกันภัย ยังคงสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดไว้ได้อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 15

วิริยะในปัจจุบัน

บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด ปัจจุบันเป็นองค์กรธุรกิจประกันภัย ที่มีเครือข่ายใหญ่และเติบโต อย่างรวดเร็วที่สุดในประเทศไทย นับถึงวันนี้ กว่า 60 ปี บริษัท ได้นำเสนอการบริการ รับประกันวินาศภัยครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้วยอุดมการณ์ที่จะพัฒนาสร้างสรรค์การบริการด้านต่างๆ ให้สามารถสนองตอบต่อความต้องการของลูกค้า อย่างไม่หยุดยั้ง นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้สร้างสรรค์ กิจกรรมต่างๆ เพื่อสังคม โดยให้ความช่วยเหลือและสนับสนุน กิจกรรมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสังคมไทย
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนา และสร้างสรรค์งานด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของผู้เอาประกันภัย ตลอดจนส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคม ต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของบริษัทที่ว่า “ความเป็นธรรม คือ นโยบาย”

คณะกรรมการบริษัท คณะผู้บริหารของบริษัท

คณะกรรมการบริษัท

คณะกรรมการ ตำแหน่ง
นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ
นายเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช กรรมการ และประธานคณะกรรมการตรวจสอบ
นางสาวรัตนา ยิ่งไพบูลย์ กรรมการ และกรรมการตรวจสอบ
นางพันธ์ทิพย์ สุรทิณฑ์ กรรมการ และกรรมการตรวจสอบ
นายสิงห์ ตังทัตสวัสดิ์ กรรมการ และประธานคณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทนและสรรหา
นายธีระ วงศ์จิรชัย กรรมการ และกรรมการกำหนดค่าตอบแทนและสรรหา
นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการ และกรรมการกำหนดค่าตอบแทนและสรรหา
นายวิชชา ดำรงสินศักดิ์ กรรมการ
นายยูทากะ วาตานาเบ้ กรรมการ
นายวีระศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ กรรมการ
นายวรวิทย์ โรจน์รพีธาดา กรรมการ และเลขานุการคณะกรรมการ
นาย ช.นันท์ เพ็ชญไพศิษฏ์ กรรมการ


คณะผู้บริหารของบริษัท



คณะผู้บริหาร ตำแหน่ง
นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
นายวรวิทย์ โรจน์รพีธาดา กรรมการ และ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
นายวิชชา ดำรงสินศักดิ์ กรรมการ และผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
นางสาวผกามาศ จารุเสถียร ผู้อำนวยการ
นายพนัส ธีรวณิชย์กุล ผู้อำนวยการ
นางสาวพูลสุข เตวิทย์ ผู้อำนวยการ
ดร. วิจิตรา งานสถิล ผู้อำนวยการ
นางศรีจิตรา ประโมจนีย์ ผู้อำนวยการ
นายสาธิต ลิปตะสิริ ผู้อำนวยการ
นายอานนท์ วังวสุ ผู้อำนวยการ
นายสำเนา เธียรประมุข ผู้ช่วยผู้อำนวยการ

รายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่และสัดส่วนการถือหุ้น

รายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่และสัดส่วนการถือหุ้น
ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2549


รายชื่อผู้ถือหุ้น จำนวนหุ้น// คิดเป็น %
1. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 5,053,902// 9.97
2. HWIC ASIA FUND 3,676,003// 7.25
3. ASIA COMMERCIAL BANK (Nominees) LTD. 2,509,650// 4.95
4. นายชัย โสภณพนิช** 2,056,270// 4.06
5. นางบุญศรี โสภณพนิช 1,780,005// 3.51
6. มูลนิธิชิน โสภณพนิช 1,605,207 //3.17
7. บริษัท ซี.อาร์.โฮลดิ้ง จำกัด 1,605,207// 3.17
8. AIOI INSURANCE CO., LTD 1,423,619// 2.81
9. นายชาตรี โสภณพนิช 1,197,159// 2.36
10. นายนิติ โอสถานุเคราะห์ 1,059,220// 2.09

ประวัติบริษัท

เกียรติประวัติสูงสุด
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานตราตั้งให้แก่บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2547 ซึ่งถือเป็นสิริมงคลและเป็นเกียรติประวัติสูงสุดของบริษัทฯ ผู้บริหารและพนักงานทุกคน ที่ได้รับพระราชทานพระบารมีปกป้องในครั้งนี้

ตราตั้งพระราชทานนี้เป็นประดุจเอกสารรับรองว่า บริษัทที่ได้รับพระราชทานได้ประกอบธุรกิจการค้าโดยซื่อสัตย์สุจริต ตั้งอยู่ในศีลธรรม มีหลักฐานมั่นคง เป็นที่เชื่อถือแก่มหาชนทั้งหลายและเพื่อเป็นกำลังใจแก่ผู้ประกอบธุรกิจ อันจะเป็นการส่งเสริมธุรกิจในประเทศให้เจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงตลอดไป

กรุงเทพประกันภัย ได้ดำเนินการขอพระราชทานตราตั้ง ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2519 โดย คุณชิน โสภณพนิช ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการในขณะนั้นจวบถึงวันนี้ วันที่ได้รับพระราชทานตราตั้งให้เป็นบริษัทในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงนับเป็นเวลาอันมีค่ายิ่งซึ่งบริษัทฯ จะตระหนักถึงคุณค่าและรักษาไว้ซึ่งชื่อเสียงอย่างดีงามสืบต่อไป
ประวัติบริษัท
บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2490 ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ บริษัท เอเซียพาณิชย์ประกันสรรพภัย จำกัด โดยการบริหารงานของคุณชิน โสภณพนิช ตั้งอยู่ที่ ถนนอนุวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์

ต่อมาในปี พ.ศ. 2499 ได้ย้ายสำนักงานมาอยู่ที่อาคารเอเชีย ถนนเสือป่า

ในปี พ.ศ. 2507 เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด


พ.ศ. 2511 สร้างสำนักงานแห่งใหม่บนถนนสีลม

พ.ศ. 2521 บริษัทฯ เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน จำกัด ในชื่อ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในปี พ.ศ. 2536


จากความพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ตลาดประกันภัยเสรี และความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจ ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น บริษัทฯ จึงย้ายสำนักงานมายังทำเลใจกลางย่านธุรกิจ ณ อาคารกรุงเทพประกันภัย ถนนสาทรใต้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 จวบถึงปัจจุบัน

ปัจจุบัน บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 60 ด้วยทุนจดทะเบียน 507ล้านบาท ภายใต้การบริหารของคุณชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการและกรมการผุ้อำนวยการใหญ่ รวมทั้งคณะผู้บริหารและพนักงาน ที่พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด

ในภาวะการแข่งขันของธุรกิจประกันวินาศภัย บริษัทฯได้พิสูจน์ความเป็นผู้นำวงการประกันภัย โดยได้รับประกาศนียบัตรรับรองคุณภาพมาตรฐานสากล ISO 9002 : 1994 ด้านบริการของฝ่ายประกันภัยยานยนต์ ตั้งแต่ปี 2540 นับเป็นบริษัทประกันภัยแห่งแรกในไทยและภูมิภาคเอเชีย และขยายผลรับรองทุกระบบงานเมื่อปี 2543 ล่าสุด บริษัทฯ สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าอีกครั้ง โดยได้ผ่านการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9001 : 2000 ทุกระบบงาน เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2545 จาก Bureau Veritas (Thailand) Ltd. (BVQI) ภายใต้สถาบันรับรองคุณภาพ UKAS


ตลอดระยะเวลาของการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ ที่ให้บริการด้วยความซื่อตรง และยุติธรรม ตอบสนองความต้องการของลูกค้า (Customer Oriented) ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจเสมอมา และเพื่อให้เกิดความสะดวกตอบสนองตรงตามความต้องการ สานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จึงได้มีการวางแผนเชิงรุก เพิ่มวิสัยทัศน์การบริหารงาน สำรวจความต้องการของลูกค้า พัฒนารูปแบบการบริการใหม่ๆ ซึ่งเป็นที่มาของโครงสร้างองค์กรใหม่ ภายใต้แนวคิด "หนึ่งจุดบริการที่พร้อมสรรพ เพื่อหลากความต้องการของลูกค้า" (Single Contact Point) โดยแบ่งการบริการตามประเภทของลูกค้า 4 ช่องทางใหญ่ๆ คือ สถาบันการเงิน บริษัทนายหน้า ตัวแทนประกันวินาศภัย และลูกค้าตรง ซึ่งทีมงานแต่ละช่องทาง สามารถให้บริการได้ครบทุกประเภท ของการประกันวินาศภัยที่ต้องการ

คณะกรรมการบริษัทและผู้บริหาร

คณะกรรมการบริษัทและผู้บริหาร
(Top Management)
คณะกรรมการ
ลำดับ รายนาม ตำแหน่ง
1 นายเรืองวิทย์ ดุษฎีสุรพจน์ กรรมการ และประธานกรรมการ
2 นายเรืองเดช ดุษฎีสุรพจน์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ
3 นางสุวิมล ชยวรประภา กรรมการบริหาร และกรรมการรองผู้จัดการ
4 นายไนเจล จอห์น สมิธ กรรมการ
5 นายประดิษฐ รอดลอยทุกข์ กรรมการบริหาร
6 นางอัญชุลี คุณวิบูลย์ กรรมการ
7 นายอนุชาต ชัยประภา กรรมการอิสระ และประธานกรรมการตรวจสอบ
8 นายวิเศษ ภานุทัต กรรมการอิสระ และกรรมการตรวจสอบ
9 นายสุวิชากร ชินะผา กรรมการอิสระ และกรรมการตรวจสอบ

เจ้าหน้าที่บริหาร
ลำดับ รายนาม ตำแหน่ง
1 นายสุทิพย์ รัตนรัตน์ ผู้จัดการภาคกลาง และ ภาคตะวันออก
2 นายกมล ประทีปดลปรีชา ผู้จัดการฝ่ายการเงิน
3 นายกนก บูรณะมิตรานนท์ ผู้จัดการฝ่ายอัคคัภัย
4 นายไพบูลย์ งามทวี ผู้จัดการฝ่ายบริหารงานตัวแทน
5 นางสาวถนอมศรี สินสุขเพิ่มพูน ผู้จัดการฝ่ายการลงทุน
6 นางสาวพรรณี ปิติกุลตัง ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาระบบงาน และบริการ
7 นางวีณา นิรมานสกุล ผู้จัดการฝ่ายบัญชี
8 นายประภากร ปิณฑะดิษ ผู้จัดการฝ่ายกฏหมาย
9 นายประหยัด ฐิตะธรรมกุล ผู้จัดการภาคใต้
10 นายนคร ต่อเจริญ ผู้จัดการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
11 นายนุสนธิ นิลวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายสินไหมรถยนต์
12 นายวิชิระ ลอยชัยภูมิ ผู้จัดการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ
13 นางสาวอรพิน อนันตรกิตติ ผู้จัดการฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล
14 นายชาติชาย วงศ์ตรีรัตนชัย ผู้จัดการภาคเหนือ
15 นางสาววลีรัตน์ กุลวิโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายจัดเก็บเบี้ยประกัน
16 นายอมรศักดิ์ ศรีมงคลชัย ผู้จัดการฝ่ายตรวจสอบภายใน

สัดส่วนผู้ถือหุ้นรายใหญ่

สัดส่วนผู้ถือหุ้นรายใหญ่
รายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ณ.วันที่ 5 เมษายน 2549
จำนวนหุ้นที่ถือ// %
ตระกูลดุษฎีสุรพจน์ 11,953,177 //59.77
Royal & Sunalliance Group 3,999,999// 20.00
บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 551,955 //2.76
นายฐิติพงศ์ เศรษฐลิขิต 325,200// 1.63
ตระกูลอัษฎาธร 264,388// 1.32
CREDIT SUISSE FIRST BOSTON (EUROPE) LTD CLIENT ACC 225,777// 1.13
UOB KAY HIAN PRIVATE LIMITED 196,499 //0.98
นายมานะ ปฐมวาณิชย์ 124,000// 0.62
MORVAL ET CIE S.A BANQUE 102,499// 0.51

ประวัติบริษัท

บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านการบริการ รับประกันวินาศภัยเป็นหลัก เริ่ม
ดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2494 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 2 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ บริษัท บ้วนฮงเซ้งประกันภัย
จำกัด ต่อมาภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด ดำเนินธุรกิจรับประกันวินาศภัย 4 ประเภท ได้แก่


1. การประกันภัยทางรถยนต์
2. การประกันอัคคีภัย
3. การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง
4. การประกันภัยเบ็ดเตล็ด

บริษัทฯ ได้เพิ่มทุนอย่างสม่ำเสมอเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจประกันภัย ปัจจุบันบริษัทฯมีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท และเมื่อพิจารณาในส่วนเงินกองทุน ปี 2547 บริษัทฯมีเงินกองทุนจำนวนเท่ากับ 1,110 ล้านบาท ในส่วนนี้เป็นเงินกองทุนที่บริษัทฯ ต้องดำรงไว้ตามพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 เป็นจำนวนเท่ากับ 276 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจำนวน 834 ล้านบาท ถือเป็นเงินกองทุนส่วนเกิน ซึ่งสามารถรองรับการขยายงานในอนาคต

บริษัทฯเป็นบริษัทประกันวินาศภัยที่รับประกันรถยนต์เป็นหลักบริษัทฯแรกที่ได้รับความไว้วางใจให้จดทะเบียนในตลาดหลัก
ทรัพย์แห่งประเทศไทย ปัจจุบันจัดอยู่ในสี่อันดับแรกของบริษัทฯ ที่มีเบี้ยประกันภัยรับสูงสุด โดยมีก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์ดำเนินงานดังนี้

2534 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

2535 ย้ายสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่ อาคารสินมั่นคงประกันภัย ถนนศรีนครินทร์

2537 จดทะเบียนแปรสภาพเป็น บริษัทมหาชนจำกัด

2538 ร่วมทุนกับบริษัท Royal Sun Alliance แห่งประเทศอังกฤษ

ข้อมูลผู้ร่วมหุ้นที่สำคัญ

การร่วมทุนกับ Royal Insurance PLC.ในปี 2538 บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้มีการเซ็นสัญญาร่วมทุนกับ Royal Insurance PLC. โดยเข้ามาร่มถือหุ้นในสัดส่วน 20% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด Royal Insurance PLC. เป็นบริษัทฯ ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ เปิดดำเนินการมากว่า 150 ปี มีสินทรัพย์รวมประมาณกว่า 4,418 พันล้านบาท เบี้ยสุทธิประมาณกว่า 657,000 ล้านบาท มีเครือข่ายสาขากว่า 50 ประเทศทั่วโลก โดยมีพนักงานทั้งสิ้นกว่า 50,000 คน

การร่วมทุนกันในครั้งนี้เป็นการเอื้อธุรกิจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ทางRoyal Insurance PLC.จะได้ขยายตลาดการบริการสู่ประเทศไทยโดยอาศัยฐานและเครือข่ายทางธุรกิจอันแข็งแกร่งของบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด(มหาชน) ในฐานะหนึ่งในบริษัทประกันภัยชั้นนำของไทย ส่วนทางสินมั่นคงนั้นนอกจากจะได้ประโยชน์จากเครือข่ายและประสบการณ์ในธุรกิจประกันภัยของ Royal Insurance PLC.ยังเป็นการขยายการดำเนินงานให้กว้างไกลยิ่งขึ้น

การร่วมมือกันในครั้งนี้ จะเป็นการร่วมมือของสองบริษัทที่กอปรด้วยประวิติศาสตร์แห่งความสำเร็จอันยาวนานที่จะร่วมใจกัน
ก้าวสู่เป้าหมายในศตวรรษหน้า

2540 ท่านกรรมการผู้จัดการ ได้รับรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติจากสถาบันผู้พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค และสมาคมสหประชาชาติ ในฐานะที่นำองค์กรสู่ความเป็นผู้นำทางธุรกิจ มีการจัดวางโครงสร้างและแบบแผนในการพัฒนาบุคลากรที่ดี มีแนวทางในการบริหารและให้บริการที่ดี

2543 บริษัทเปิดให้บริการแก่ลูกค้าผ่านระบบ internet และใช้ระบบ intranet เพื่อติดต่อสื่อสารภายในองค์กร

2544
• เป็นปีที่ครบรอบ 50 ปี ในการก่อตั้งบริษัทฯ (27 มกราคม 2544)
• เพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านทางอินเทอร์เน็ตที่เวบไซต์ www.smk.co.th ซึ่งลูกค้าสามารถซื้อ
กรมธรรม์และชำระเงินผ่านอินเทอร์เน็ตครบวงจรทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่า
• ได้รับอนุมัติให้ใช้หมายเลขโทรศัพท์เลขหมายพิเศษ 4 หลัก “ 1596” จากองค์การโทรศัพท์
เพื่อใช้เป็นศูนย์รับแจ้งเบอร์เดียว Call Center 1596 กรณีแจ้งอุบัติเหตุและแจ้งทำประกันภัย

2545
• เป็นบริษัทประกันวินาศภัยแห่งแรกในประเทศที่ริเริ่มโครงการรับประกันเวลาเดินทางถึงที่
เกิดเหตุภายใน 25 นาที ชื่อโครงการคือ SMK SPEED GUARANTEE 1
• เป็นบริษัทประกันวินาศภัยแห่งแรกในประเทศที่ริเริ่มโครงการรับประกันมาตรฐานระยะเวลา
ซ่อมและคุณภาพการซ่อมรถยนต์ ชื่อโครงการคือ SMK SPEED GUARANTEE 2
• เพิ่มช่องทางให้อู่สามารถนำส่งข้อมูลการซ่อมรถยนต์ผ่านระบบ Internet Web Application
• นำระบบ Document Image Processing (DIP) และ กล้องดิจิตอล เข้ามาใช้ในงานสินไหม
ในเขตกรุงเทพฯอย่างเต็มระบบ

2546
• เปิดตัวโครงการประกันอุบัติเหตุเอื้อสุข
• ปรับเปลี่ยน ลดเวลาในโครงการรับประกันเวลาเดินทางถึงที่เกิดเหตุเป็นภายใน 20 นาที โดย
สามารถรักษาอัตราความสำเร็จไว้ที่ 90%
• ได้ทดลองและทดสอบโครงการ SMK SPEED GUARANTEE 1 และ 2 ตามสาขาภูมิภาค
• ขยายการใช้กล้องดิจิตอลสำหรับงานด้านตรวจสอบอุบัติเหตุไปยังสาขาภูมิภาค

2547
• ขยายตลาดในส่วนที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น การประกันภัยอิสรภาพ
• ได้นำระบบ E-Agent มาใช้กับตัวแทน
• ขยายรูปแบบการประชาสัมพันธ์ธุรกิจ โดยใช้สื่อป้ายโฆษณาขนาดใหญ่หลายแห่งในกรุงเทพฯ

บริษัท อวีว่า ประกันภัย (ไทย) จำกัด ได้เปลี่ยนชื่อและตราสัญลักษณ์ของบริษัท เป็น บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด

ผมมีความยินดีที่จะเรียนให้ท่านทราบว่าบริษัท อวีว่า ประกันภัย (ไทย) จำกัด ได้เปลี่ยนชื่อและตราสัญลักษณ์ของบริษัท เป็น บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งแต่ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2549

ดังที่ทราบแล้วว่า เมื่อเดือนมีนาคม 2548 ที่ผ่านมา กลุ่ม บริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันส์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ หลังจากการซื้อกิจการประกันวินาศภัยของกลุ่มบริษัท อวีว่า ในภูมิภาคเอเชียรวมถึงประเทศไทย การโอนกิจการในภูมิภาคเป็นไปอย่างราบรื่น

บริษัทฯ ยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติ โดยทีมผู้บริหารมืออาชีพเดิมและยังคงมุ่งมั่นที่จะให้บริการที่เป็นเลิศเช่นเดิม นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มบริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันส์ จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทประกันวินาศภัยที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดของภูมิภาคเอเชียมีเครือข่ายอยู่ใน 38 ประเทศและเป็นบริษัทประกันวินาศภัยชั้นนำและได้รับการยอมรับทั่วโลก

ในนามของคณะกรรมการ ผู้บริหารและพนักงาน ผมขอถือโอกาสนี้ ขอบคุณท่านที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ มาโดยตลอด

ขอแสดงความนับถือ


อรรณพ พรธิติ
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่และ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

ประวัติบริษัทฯ

บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) เป็นหนึ่งในบริษัทประกันวินาศภัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีประวัติอันยาวนานโดยถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2432 และปัจจุบันผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท คือ บริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันส์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น Mitsui Sumitomo insurance Co., Ltd. (MSI) of Japan บริษัทประกันวินาศภัยชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นและของโลก ซึ่งได้ลงนามสัญญาซื้อขายกิจการประกันวินาศภัยของบริษัท อวีว่า ในภูมิภาคเอเชียในเดือน กันยายน 2547 และสำหรับในประเทศไทย การโอนหุ้นดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์ตามขั้นตอนของกฏหมายและระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2548

MSIG เป็นบริษัทประกันภัยชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจใน 38 ประเทศทั่วโลกและ 16 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก โดยให้บริการประกันวินาศภัยภัยทุกประเภท ด้วยสินทรัพย์ทั้งสิ้น USD 80,447 M (3 ล้าน ล้านบาท) และมีเบี้ยประกันภัยสุทธิทั่วโลก (NWP-non life) USD12,446 M (473,700 ล้านบาท) * และเป็นบริษัทประกันภัยที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศญี่ปุ่น
* ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549
บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) เป็นบริษัทประกันวินาศภัยระดับชั้นนำในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 9001: 2000 ทั้งระบบ และได้รับความไว้วางใจในบริการประกันวินาศภัยมากว่า 117 ปี มีเบี้ยประกันภัยรับมากกว่าปีละ 2,000 ล้านบาท บริษัทฯมีสาขาและศูนย์บริการทั้งสิ้น 12 แห่งทั่วประเทศ และมีพนักงานมากกว่า 400 คน

ในเดือนตุลาคม 2547 บริษัทได้ผ่านการรับรองมาตรฐานการบริหารจัดการด้านคุณภาพตามมาตรฐานสากล ISO 9001: 2000 ทั้งระบบทุกหน่วยงานอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ ซึ่งการได้รับการรับรองนี้สอดคล้องกับนโยบายของบริษัท เพราะปรัชญาของ ISO 9001: 2000 มุ่งเน้นที่การปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อความพอใจของลูกค้าเป็นหลัก อันเป็นแนวทางที่บริษัทฯได้ดำเนินการมาตลอด

ในเดือนกันยายน 2547 บริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันส์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น (Mitsui Sumitomo Insurance Co., Ltd. (MSI) of Japan) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นและของโลก ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายกิจการประกันวินาศภัยของบริษัท อวีว่า ในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเก๊า และบรูไน

สำหรับในประเทศไทย MSI ได้ตกลงซื้อหุ้นในส่วนของบริษัท อวีว่า ประกันภัย (ไทย) จำกัด จากกลุ่มบริษัท อวีว่า สหราชอาณาจักร ซึ่งการโอนหุ้นดังกล่าวได้เสร็จสมบูรณ์ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2548

MSI เป็นกลุ่มบริษัทประกันภัยที่ดำเนินธุรกิจประกันวินาศภัยทุกประเภทใน 38 ประเทศทั่วโลก ในปี 2546 มีเบี้ยประกันภัยรับสุทธิกว่า 12,466 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 473,700 ล้านบาท และสินทรัพย์รวม 80,447 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 3,000,000 ล้านบาท

บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นเลิศทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และการบริการ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า โดยมีปัจจัยเกื้อหนุนที่สำคัญ คือ ประวัติและชื่อเสียงที่ดีมาเป็นเวลานาน และสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อีกทั้งผู้บริหารมืออาชีพที่เคารพในกฎของบรรษัทภิบาลอย่างเคร่งครัด พร้อมด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของบริษัทฯ
* ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549

คณะกรรมการ

นายเชี่ยวชาญ เคียงศิริ ประธานกรรมการ
นายสุรินทร์ โอสถานุเคราะห์ รองประธานกรรมการ
นายเกียรติศักดิ์ มี้เจริญ กรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบ
นายชัชวาล พรรณลาภ กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ
นายไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ
นายยงยุทธ บวรวนิชยกูร กรรมการผู้จัดการ
นายสุธีชัย สันติวราคม กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ
นายอุดม วีระคณานนท์ กรรมการและที่ปรึกษาฝ่ายบริหาร
นายนิติ โอสถานุเคราะห์ กรรมการ
นายโจเซฟ เดวิด กริฟฟิน กรรมการ
นายเกษม ณรงค์เดช กรรมการ
นายเอียน บราวด์ กรรมการ
นายเชียง หว่อ ชู กรรมการ

คณะผู้บริหาร

นายกี่เดช อนันต์ศิริประภา กรรมการผู้อำนวยการ
นายบุญสม ทวีกิตติกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานพัฒนาเครือข่ายและการตลาด
นายสมศักดิ์ วิวัฒนศิริศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานธุรกิจบรรษัท
นายพิสิฎฐ์ พันธุ์สมิง ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานธุรกิจส่วนบุคคล
นายเกรียง หยกน้ำเงิน ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานรับประกันภัยทางทะเลและขนส่ง / ประกันภัยต่อ
นายสมเจต ขุนศรีอุเชนทร์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานสินไหมทดแทน
นางเพ็ญพิชชา จุลเจือ ผู้อำนวยการ สายงานประกันสุขภาพ
นายฉัตรชัย เขียวทอง ผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาเครือข่ายและการตลาด
นางสาววลี สุนทราวงศ์ ผู้อำนวยการ สายงานสินไหมทดแทน
นายสงวน เลียงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการ สายงานรับประกันภัยทางทะเลและขนส่ง / ประกันภัยต่อ
นางสาวสุวรรณา ประสงค์ตันสกุล ผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจส่วนบุคคล
นายโสรัตน์ วงศ์อนันต์กิจ ผู้อำนวยการ สายงานคณิตศาสตร์ประกันภัย
นางฉัตรสุดา ชัยขจรภัทร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานรับประกันภัยทางทะเลและขนส่ง
นางสาวนารีรัตน์ นิมิตโชตินันท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจบรรษัท
นายมนตรี พ่วงพูล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานบัญชีและการเงิน
นางสาวนาถศิรินทร์ สิรยายน ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานบัญชี
นางอรุณรัตน์ ประมวญรัฐการ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานทรัพยากรมนุษย์
นายกรกช คุรุกิจกำจร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานบริหารโครงการงานระบบปฏิบัติการและฝ่ายผลิตกรมธรรม์
นางสาวพัชรี สร้างบัณฑิตสกุล ผู้จัดการ สายงานนิเทศสัมพันธ์
นางชนิดา รัตนวิจัย ผู้จัดการ สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ
นางสาวดาเรศ อวยพร ผู้จัดการ ฝ่ายธุรการ

ผู้ถือหุ้น

แอกซ่า ประเทศไทยเป็นสมาชิกของกลุ่มแอกซ่าทั่วโลก ซึ่งเป็นผู้นำในกลุ่มบริหารการเงินระดับโลก นอกจากนี้แอกซ่า ประเทศไทยยังเป็นบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรชั้นนำ 2 บริษัท คือ ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)

ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน)
ธนาคารยูโอบี จำกัด ( มหาชน ) หรือ ธนาคารยูโอบี เกิดจากการรวมกิจการที่ประสบความสำเร็จระหว่างธนาคารเอเชีย จำกัด ( มหาชน ) และธนาคารยูโอบี รัตนสิน จำกัด ( มหาชน ) เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 นับเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดอันดับที่ 9 ในประเทศไทย ด้วยสินทรัพย์มูลค่ารวม 206,000 ล้านบาท ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2548

การผนึกกำลังร่วมกันนี้ส่งผลให้ ธนาคารยูโอบี มีเครือข่ายสาขาที่กว้างขวางทั่วประเทศถึง 154 สาขาทั่วประเทศ และเอทีเอ็ม 335 เครื่อง เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า รวมทั้งเสริมสร้างฐานธุรกิจในภูมิภาค เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการธนาคารของลูกค้าในระดับภูมิภาค

ด้วยความเป็นสมาชิกของเครือยูโอบี ที่มีเครือข่ายสำนักงาน 572 แห่งใน 18 ประเทศและเขตการปกครอง ธนาคารยูโอบี จึงมีศักยภาพและบทบาทสำคัญในภาคการเงินการธนาคารของประเทศไทย

รายละเอียดเพิ่มเติม www.uob.co.th

ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)
ทิสโก้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2512 มีสถานะเป็นบริษัทเงินทุนแห่งแรกของประเทศไทย ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท ชื่อ “ทิสโก้” และตราสัญลักษณ์ “TISCO” มาจากชื่อภาษาอังกฤษที่ใช้ว่า “Thai Investment and Securities Company Limited”

ทิสโก้ได้พัฒนาบทบาทตามหลักการธนาคารเพื่อการค้าและการลงทุน (Investment Bank) โดยพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อสนองตอบความต้องการของระบบเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว กว่า 36 ปี ที่ทิสโก้เติบโตอย่างมั่นคง จนเป็นสถาบันการเงินชั้นนำที่ให้บริการทั้งในด้านเงินทุน หลักทรัพย์ และจัดการกองทุน ตลอดจนมีบทบาทโดดเด่นในการมีส่วนร่วมพัฒนาตลาดเงินและตลาดทุนของไทย เมื่อรัฐบาลมีนโยบายยกระดับบริษัทเงินทุนที่มีความพร้อมเป็นธนาคารพาณิชย์ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ทิสโก้จึงเป็นบริษัทเงินทุนแห่งแรกที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบจากกระทรวงการคลัง และเปลี่ยนสถานะเป็น "ธนาคารทิสโก้" เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2548 โดยมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่ ณ อาคารทิสโก้ทาวเวอร์ ถนนสาทรเหนือ และมีสาขาของธนาคารในส่วนภูมิภาคจำนวน 14 แห่ง ในเขตเศรษฐกิจสำคัญทั่วประเทศ

รายละเอียดเพิ่มเติม www.tiscogrop.com

ประวัติ บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน)

บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ แอกซ่าประเทศไทยเป็นสมาชิกของกลุ่มแอกซ่าทั่วโลก


กลุ่มแอกซ่าเป็นบริษัทบริหารการเงินชั้นนำระดับโลก มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารถึง 1,064 พันล้านยูโร มีรายได้รวมทั้งสิ้น 72 พันล้านยูโร กลุ่มแอกซ่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก แอกซ่ามีพนักงานจำนวน 110,000 คน มีตัวแทนอยู่ทั่วโลกที่มอบการบริการที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า 51.5 ล้านคนทั่วโลก ในกว่า 60 ประเทศ

บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2533 โดยการร่วมทุนระหว่างกลุ่มแอกซ่าลงทุนร่วมกันพันธมิตรชั้นนำ 2 บริษัท คือ ธนาคาร ยูโอบี จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)

การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากผู้ถือหุ้น, คู่ค้าทางธุรกิจ, นายหน้า, ตัวแทน รวมถึงลูกค้าที่พอใจในบริการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บริษัทฯ มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศด้วย "การบริการที่ให้ความใกล้ชิดและมีคุณภาพ"

แอกซ่าประเทศไทยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพและมีสาขา 8 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศคือ เชียงใหม่ นครสวรรค์ ขอนแก่น ชลบุรี พัทยา สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ และภูเก็ต แอกซ่าประเทศไทยมีเครือข่ายครอบคลุม พร้อมพนักงานมืออาชีพที่พร้อมจะดูแลลูกค้าทุกคน

ชีวิตที่มั่นใจกับแอกซ่า

ผลการดำเนินงานประจำปี 2548

บริษัท ประกันคุ้มภัย จำกัด (มหาชน) มีผลการดำเนินงานประจำปี 2548 โดยสรุปดังนี้

บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวม 139.55 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนเพิ่มขึ้น 25.50 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22.36 ประกอบด้วย กำไรจากการรับประกันภัย 349.54 ล้านบาท กำไรจากการลงทุน 125.99 ล้านบาท และรายได้อื่นรวม 6.88 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายอื่นรวม 289.51 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนบริษัทฯ มีกำไรสุทธิก่อนหักภาษีเพิ่มขึ้น 43.65 ล้านบาท คิดเป็น
ร้อยละ 29.50

ผลการดำเนินงานจากการรับประกันภัย
ในปี 2548 บริษัทฯ มีรายได้จากการรับประกันภัย 2,630.99 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัย รวม 2,281.45 ล้านบาท บริษัทฯ มีกำไรจากการรับประกันภัย 349.54 ล้านบาท ประกอบด้วยกำไรจากการรับประกันอัคคีภัย 18.41 ล้านบาท กำไรจากการรับประกันภัยทางทะเล 26.19 ล้านบาท กำไรจากการรับประกันภัยรถยนต์ 369.02 ล้านบาท และขาดทุนจากการรับประกันภัยเบ็ดเตล็ด 64.08 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรจากการรับประกันภัยของปีก่อน มีกำไรจากการรับประกันภัยเพิ่มขึ้น 66.37 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.44

ผลการดำเนินงานจากการลงทุน
บริษัทฯ มีรายได้จากการลงทุนสุทธิและกำไรจากการลงทุนในหลักทรัพย์รวม 125.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 26.15 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 26.19 มีรายได้อื่น 6.88 ล้านบาท รวมเป็น 132.87 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานจากการลงทุนของปีก่อนแล้ว รายได้จากการลงทุนและรายได้อื่นลดลง 0.26 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.19

ฐานะการเงิน
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 4,221.62 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินลงทุนในหลักทรัพย์ ประเภทพันธบัตร ตั๋วเงิน หุ้นทุน หุ้นกู้ หน่วยลงทุน และหลักทรัพย์อื่น รวม 2,706.44 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยค้างรับ 689.86 ล้านบาท ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ 250.77 ล้านบาท เงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน 257.56 ล้านบาท และสินทรัพย์ดำเนินงานอื่น 316.99 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 373.55 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9.71

ประวัติ บริษัท ประกันคุ้มภัย จำกัด(มหาชน)

บริษัท ประกันคุ้มภัย จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2484 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1,000,000 บาท เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกวงการธุรกิจประกันภัยของประเทศ และ เป็นหนึ่งในบริษัทประกันภัยของคนไทยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยที่ดำเนินงานและบริหารงานโดยคนไทยตราบจนถึงปัจจุบัน มีหลวงประเจิดอักษรลักษณ์ เป็นประธานคณะกรรมการชุดแรกและ นายหลุยส์ พนมยงค์ เป็นกรรมการผู้จัดการคนแรก โดยสำนักงานแห่งแรกตั้งรวมอยู่กับธนาคารแห่งเอเซียฯ ณ ถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นศูนย์ธุรกิจในยุคนั้น

ประกันคุ้มภัย ปี พ.ศ. 2484

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2520 บริษัทฯ ได้จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและแปรสภาพเป็นบริษัท มหาชนจำกัด ในวันที่ 17 สิงหาคม 2536 ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 360 ล้านบาท
คุณยงยุทธ บวรวนิชยกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ประกันคุ้มภัย จำกัด (มหาชน) ประกาศเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2541 ว่า บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) สองผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้ตกลงเซ็นสัญญาแบ่งสัดส่วนการถือครองหุ้นของบริษัทฯ จำนวนประมาณ 20% ให้กับบริษัท NHCT LIMITED (บริษัทในเครือNRMA INSURANCE) ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยชั้นนำจากประเทศออสเตรเลีย เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ.2463 ณ สิ้นปี 2540 มีสินทรัพย์รวม 6,605 ล้านเหรียญออสเตรเลีย มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 1,733 ล้านเหรียญออสเตรเลีย (อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ 1 เหรียญออสเตรเลีย เท่ากับ 25 บาท)
ภายใต้หลักการยึดมั่นในการบริการที่ดีให้กับลูกค้าทุกคนอย่างทั่วถึง และการทำวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ NRMA ได้รับการตอบรับจากประชาชนผู้ซื้อประกันภัยในประเทศออสเตรเลีย เป็นเวลามาช้านาน ความมั่นคงและความน่าเชื่อถือนี้พิสูจน์ได้จากการได้รับการจัดอันดับ ความน่าเชื่อถือจาก Standard & Poor ดังนี้

- ความสามารถในการชำระค่าสินไหมทดแทน AA+
- ความสามารถในการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น A1+
- ความสามารถในการชำระคืนเงินกู้ระยะยาว AA+

กว่า 60 ปีที่ผ่านมา บริษัท ประกันคุ้มภัย จำกัด (มหาชน) ได้เสนอแผนการประกันภัยที่ครอบคลุมความเสี่ยงหลากหลายประเภท โดยลดอัตราความเสี่ยง และความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับบุคคลธรรมดาและธุรกิจทั่วไป ให้ความคุ้มครองที่เป็นธรรมและให้ความมั่นใจต่อผู้บริโภคอย่างสูงสุด และด้วยความมุ่งมั่นเพื่อให้การบริการที่มีประสิทธิภาพแก่ลูกค้า "ประกันคุ้มภัย" ได้มีการปรับปรุงคุณภาพการบริการและการดำเนินงานของบริษัทฯมาอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งเพิ่มเครือข่ายสาขาไปทั่วประเทศอยู่ตลอดเวลา ตลอดจนนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ รวมทั้งการฝึกอบรมพนักงานอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ และการทำงานของพนักงาน