Saturday, March 31, 2007

ประวัติ

บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด เกิดจากการควบรวมกิจการเป็นหนึ่งเดียวของ บริษัทนารายณ์สากลประกันภัย จำกัด และบริษัทคุ้มเกล้าประกันภัย จำกัด (มหาชน ) โดยทั้งสองบริษัทเป็น บริษัทประกันภัยชั้นนำของเมืองไทย ที่มีประสบการณ์ด้านประกันวินาศภัยอันยาวนาน และมั่นคงด้วยการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งในฐานะผู้ถือหุ้นหลักของ ลิเบอร์ตี้ มิวชวล กรุ๊ป สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่ให้บริการด้านการเงินและการประกันภัยรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก
บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด ให้บริการด้านประกันวินาศภัยทุกประเภท ทั้งการประกันภัยรถยนต์ อัคคีภัย การขนส่งสินค้าทางทะเลและภัยเบ็ดเตล็ด โดยให้บริการครอบคลุมทั้งลูกค้าบุคคล องค์กร และธุรกิจอุตสาหกรรม

บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด มีนโยบายมุ่งเน้นการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความอุ่นใจและความพึงพอใจสูงสุด

ปัจจุบันบริษัทฯ มีเครือข่ายสาขาทั้งสิ้น 33 แห่งและสำนักงานบริการลูกค้า รวมแล้วกว่า 40 แห่ง เพื่อให้บริการลูกค้าทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่

ชั้น 14, 15, 17 อาคารจัสมินซิตี้
เลขที่ 2 ซอยสุขุมวิท 23 ถนนสุขุมวิท
แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา
กรุงเทพมหานคร 10110
Tel (02) 661-6000




ลิเบอร์ตี้ มิวชวล กรุ๊ป สหรัฐอเมริกา เป็นกลุ่มบริษัทที่ให้บริการด้านการเงินและการประกันภัย ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก่อตั้งมาอย่างยาวนานมากกว่า 90 ปีและมีทรัพย์สินภายใต้การบริหารมากถึง 64,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 116 จากจำนวน 500 บริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน รวบรวมโดย ฟอร์จูน นิตยสารธุรกิจชั้นนำของโลก และได้รับการพิจารณาจากสถาบัน สแตนด์ดาร์ดแอนด์พัวส์ ( S&P) ว่ามีฐานะทางการเงินอยู่ในอันดับ A (strong) นอกจากนี้ยังได้รับการพิจารณาจากสถาบัน เอเอ็มเบส (A.M. Best) ให้อยู่ในอันดับ A (Excellent)
ลิเบอร์ตี้ มิวชวล กรุ๊ป มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจประกันภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจประกันภัยรถยนต์ ที่ได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดีในภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในละตินอเมริกา

ปัจจุบัน ลิเบอร์ตี้ มิวชวล กรุ๊ป มีสำนักงานทั่วโลกมากกว่า 900 แห่ง และมีพนักงานกว่า 38,000 คน เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร

ประวัติ

บริษัท คูเนีย ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (KIT) ก่อตั้งขึ้นในเดือน สิงหาคม 2544 หลังจาก Kurnia Damai Sdn. Bhd. ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท เอเชีย ไดนามิค ประกันภัย จำกัด ซึ่งเป็นการเริ่มแผน งานขยายตลาดในภูมิภาคเอเชีย โดยเริ่มที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรก ทุนสนับสนุนและทรัพยากรต่างๆ จำนวนมากถูกนำมาใช้ในการก่อตั้งบริษัทแห่งนี้ ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าบริษัท คูเนีย ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด จะสามารถก้าวผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ จนประสบความสำเร็จในระดับเดียว กับ Kurnia Insurans (Malaysia) Berhad ได้อย่างแน่นอน

เป็นบริษัทประกันวินาศภัยที่ใหญ่ที่สุดและประสบความสำเร็จสูงสุด ทั้งในประเทศมาเลเซียและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท คูเนีย ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด จะยึดหลักการดำเนินธุรกิจอันเป็นธรรมของกลุ่ม Kurnia ที่ประสบความสำเร็จมาเป็นแบบฉบับในการดำเนินธุรกิจ โดยเราจะมุ่งรักษาผลประโยชน์ของผู้เอาประกัน ตลอดจนเสนอผลตอบแทนและโอกาสทางธุรกิจที่ดีแก่หุ้นส่วนทางธุรกิจของบริษัทฯ

เพื่อเป็นนิมิตหมายที่ดีในการเริ่มต้นการดำเนินธุรกิจ บริษัท คูเนีย ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ได้ย้ายสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่ อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ในเดือน มกราคม 2545 และได้จัดตั้งสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อมอบการบริการที่ดีแก่ลูกค้า ปัจจุบันเรามีสาขาทั้งหมด 4 สาขา และอู่ในเครือมากกว่า 250 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงบุคลากรที่มีคุณภาพมากกว่า 160 คนที่จะคอยให้ความช่วยเหลือและให้การบริการที่ดีเยี่ยมแก่ลูกค้าและหุ้นส่วนทางธุรกิจของบริษัทฯ

ทัศนวิสัย

วิสัยทัศน์ของเรา "ความเป็นเลิศในการบริการ"

บริษัท คูเนีย ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด มุ่งหวังที่จะดำเนินธุรกิจอย่างยาวนาน จึงเสนอการบริการที่เป็นเลิศ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและเพิ่มพูนความเชื่อมั่นและไว้วางใจที่ลูกค้ามีต่อบริษัทฯ

เราจึงได้สร้างมาตรฐานในการปฏิบัติงาน ดังนี้
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า โดยการเสนอสินค้าและบริการ ที่สนองความต้องการของลูกค้า ภายใต้ระเบียบปฏิบัติและข้อบังคับทางกฎหมาย

ยึดหลัก "ทำสิ่งต่างๆ ให้ถูกต้องนับตั้งแต่ครั้งแรก"
ความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญเหนือกว่าความต้องการของบริษัทฯ

นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้ให้ความสำคัญในเรื่องมาตรฐานการบริการที่ดีแก่หุ้นส่วนทางธุรกิจ โดยการจัดหลักสูตรการฝึกอบรม และจัดตั้งนโยบายการบริการที่ดีแก่ลูกค้า อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้จัดเตรียมพนักงานให้พร้อม ที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า

บริษัท คูเนีย ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด จะไม่หันหลังกลับไปสู่อดีต แต่เราจะมุ่งตรงไปยังวิสัยทัศน์แห่งอนาคต เนื่องจากวิสัยทัศน์ หรือความสามารถที่จะมองเห็นโอกาสในอนาคต เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบริษัทฯ ในการเติบโตต่อไปในอนาคต

ภารกิจ

เน้นการบริการที่เป็นเลิศโดยใช้หลัก " Total Quality Management"
จัดหาสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและปลอดภัยให้แก่พนักงาน
ดูแลเอาใจใส่ต่อองค์กรและประชาชนอย่างต่อเนื่อง

บุคลากร


บริษัท คูเนีย ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ตระหนักดีว่าแม้องค์กรจะมีกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ดี และมีความรู้ความชำนาญ ด้านเทคนิคต่าง ๆ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเสริมสร้างให้บริษัทฯ เติบโตและประสบความสำเร็จได้ หาก ปราศจากบุคลากรที่ดีคอยสนับสนุน ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาพนักงาน โดยการจัดแผนการฝึกอบรม และพัฒนารูปแบบใหม่ ทั้งนี้ด้วยขบวนการคัดสรรและจัดหาบุคลากรอย่างมีคุณภาพ ตลอดจนการฝึกอบรมพนักงานดังกล่าว ทำให้เชื่อมั่นว่า บริษัท คูเนีย ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด จะสามารถเติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็งในธุรกิจประกันวินาศภัยของไทยอย่างแน่นอน

ประวัติ

บริษัท อลิอันซ์ ซี. พี. ประกันภัย จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง "กลุ่มอลิอันซ์" และ "เครือเจริญโภคภัณฑ์"
กลุ่มอลิอันซ์

บริษัท อลิอันซ์ เป็นหนึ่งในบริษัทฯประกันภัยที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ก่อตั้งเมื่อปี 1890 ในประเทศเยอรมนี มีประสบการณ์ในการรับประกันภัยมากกว่า 100 ปี
ให้บริการรับประกันภัยแก่ลูกค้ามากกว่า 60 ล้านคน ด้วยเครือข่ายสาขามากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก
อลิอันซ์ ได้รับการจัดอันดับสถานะทางการเงินในระดับแข็งแกร่งมาก (AA-) โดยสถาบันจัดอันดับ แสตนดาร์ด แอนด์ พัวร์


เครือเจริญโภคภัณฑ์ ( ซี. พี.)

เป็นกลุ่มธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ก่อตั้งมานานกว่า 80 ปี มีพนักงานในเครือรวมกันกว่า 120,000 คนทั่วโลก (ประกอบด้วยธุรกิจอาหารสัตว์ ฟาร์มกุ้ง ฟาร์มเป็ดไก่ ฟาร์มสุกร โรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ และ ร้านอาหาร )
ต่อมาได้ขยายสู่ธุรกิจโทรคมนาคมและการสื่อสาร ธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก ธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจประกันชีวีต และ ธุรกิจประกันภัย
เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 1 ของบริษัททั้งหมดในประเทศไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 5 จาก " นิตยสารฟาร์อีสเทิร์น อีโคโนมิค รีวิว" ว่าเป็นธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ สามารถตอบสนองให้ลูกค้าพึงพอใจ และมีความสามารถแข่งขันเชิงธุรกิจสูง


ด้วยความแข็งแกร่งด้านการเงิน บริการประกันภัยที่หลากหลาย และ ความมุ่งมั่นที่ให้บริการอย่างมืออาชีพ ทำให้เราพร้อมเป็น " พลังเคียงข้างคุณ "

ประวัติบริษัท

บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด ได้เริ่มเปิดดำเนินกิจการประกันวินาศภัย ภายใต้ชื่อ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด จนถึงปัจจุบันนับเป็นเวลา 50 ปี โดยเป็นสายงานหลักสายงานหนึ่งในการให้บริการรับประกันภัยครบวงจรทุกประเภท จากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพประกอบกับการให้บริการที่ ซื่อสัตย์สุจริตแก่ลูกค้าจนได้รับความไว้วางใจมาโดยตลอด ช่วยให้บริษัทฯ มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก



วันที่ 14 กรกฎาคม 2541
บริษัทฯได้ทำการจดทะเบียนแยกออกมาเป็น บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด ตามข้อกำหนดในพระราชบัญญัติประกันวินาศภัยพุทธศักราช 2535 เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2541 และประกอบการรับประกันภัยทุกประเภทในนามของบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2542 โดยมีคุณภูมิชาย ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณชัยยศ ติยะชาติ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัดอีกตำแหน่งหนึ่ง



วันที่ 1 มกราคม 2548
ได้มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการผู้จัดการเป็น คุณนวลพรรณ ล่ำซำ

Back to Top
จุดมุ่งหมาย
ความพอใจของลูกค้าเป็น ความสำคัญอันดับแรก
รับประกันภัยทุกประเภทด้วยเงื่อนไข และราคาที่เป็นธรรม
นำเทคโนยีสมัยใหม่มาใช้ในการทำงาน เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพเป็นที่พอใจของลูกค้า
พัฒนาระบบงานให้ตอบสนองต่อ ความต้องการของลูกค้า
ดูแลพนักงานให้ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องเงินเดือน มีสวัสดิการที่ดี และส่งเสริมการพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้า
ส่งเสริมให้ตัวแทน นายหน้า เป็นมืออาชีพทางด้านประกันภัย
เน้นการทำงานเป็นทีม

Back to Top
เครือข่ายคุณภาพ
บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด มั่นคงด้วยเครือข่ายของบริษัทในเครือ ดังนี้



ธุรกิจการเงิน

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม กสิกรไทย จำกัด
ธุรกิจประกันภัย/ประกันชีวิต

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด
บริษัท ภัทรประกันภัย จำกัด (มหาชน)
ธุรกิจการค้า

บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)
บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน)
บริษัท ภัทรคอมเพล็กซ์ จำกัด
บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน)

Back to Top
รายชื่อและสัดส่วนผู้ถือหุ้นกลุ่มใหญ่
บริษัท เมืองไทย โพร์ทิส โฮลดิ้ง จำกัด
Fortis Insurance International NV
อื่น ๆ
74.99 %
25.00 %
0.01 %

ประวัติ

บริษัท ไทยศรีประกันภัยจำกัด เดิมรู้จักกันในนามของบริษัท ไทยศรีซูริคประกันภัยจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกผสมที่เกิดจากความ ร่วมมือกันทางพันธมิตรระหว่าง กลุ่มซูริคไฟแนนเชียลเซอร์วิส (สัญชาติสวิสเซอร์แลนด์) และบริษัทไทยศรีนครประกันภัยจำกัด ต่อมาทางกลุ่มซูริคไฟแนนเชียลเซอร์วิส ได้ทำการปรับเปลี่ยน นโยบายทางธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการทำธุรกิจในส่วนภาคพื้นที่ทาง กลุ่มได้ถือกำเนิดมา ดังนั้นเพื่อเป็นการดำเนินการให้สอดคล้อง กับนโยบายหลักของกลุ่ม ในวันที่ 22 ธันวาคม 2547 ที่ผ่านมา ทางผู้ถือหุ้นเดิมตระกูลศรีเฟื่องฟุ้ง จึงแสดงเจตน์จำนงในการ ซื้อหุ้นในส่วนของกลุ่มซูริคไฟแนนเชียลเซอร์วิส โดยมีตระกูล พานิชชีวะ ซึ่งมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินและการ บริหารงานธุรกิจที่มีความเป็นสากล เข้ามาถือหุ่นในส่วนของ กลุ่มซูริคไฟแนนเชียลเซอร์วิส


บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด ปัจจุบันมีจำนวนผ้บริหารและ พนักงานรวมกันมากกว่า 570 คน โดยมีสาขา สำนักงานตัวแทน และศูนย์บริการมากกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ จากประสบการณ์ ในการให้บริการทางด้านธุรกิจประกันวินาศภัย มากกว่า 50 ปี การอุทิศตนในการให้บริการลูกค้า การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา การให้การบริการที่มีความน่าเชื่อถือ และความ แข็งแกร่งทางด้านการเงิน ทำให้บริษัทมีความรู้และความเข้าใจ ถึงความต้องการของลูกค่า จึงทำให้ลูกค้าให้ความไว้วางใจใน การให้บริการของเรา ความตั้งใจของเราคือการให้การบริการที่ ให้ประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้าโดยการนำเสนอการให้บริการด้าน การจัดการความเสี่ยงที่มีรูปแบบแตกต่างกันตามความต้องการ และความเหมาะสมของลูกค้าแต่ละท่าน



บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด ประกอบไปด้วยสายงาน ยุทธศาสตร์ธุรกิจ 2 สายงานหลัก ที่สนองตอบตลาดกลุ่มลูกค้า เป้าหมายที่แตกต่างกันไป
สายงานธุรกิจลูกค้ารายย่อยและธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่ง ดูแลลูกค้าที่เป็นรายเดี่ยว ครอบครัว ธุรกิจขนาดเล็ก และธุรกิจ ที่ประกอบการภายในประเทศ
สายงานธุรกิจสากล และองค์กร ที่ครอบคลุมลูกค้าที่ เป็นองค์กรระดับสากลขนาดใหญ่ ลูกค้าต่างชาติรายเดี่ยว

1. สายงานยุทธศาสตร์ธุรกิจที่ดูแลลูกค้ารายย่อยและธุรกิจที่มีขนาดเล็ก

สายงานยุทธศาสตร์ธุรกิจลูกค้ารายย่อยและธุรกิจขนาดเล็ก ประกอบด้วยผู้บริหาร และพนักงานที่มีคุณภาพ และมี ประสบการณ์มากมาย เมื่อผนวกรวมเข้ากัน จึงสามารถเข้าใจถึง ความต้องการ และความคาดหวังในการได้รับบริการของกลุ่ม ลูกค้ารายย่อยในประเทศได้เป็นอย่างดี จึงทำให้สายงานธุรกิจนี้ ทำหน้าที่ดูแลการพัฒนากรมธรรม์เพื่อสนองตอบความต้องการ ของลูกค้าเฉพาะราย และกลุ่มลูกค้าที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กได้ อย่างแท้จริง


2. สายงานธุรกิจสากลและองค์กร

ด้วยบุคลากรคุณภาพที่มีภูมิหลัง และประสบการณ์การทำงาน ที่หลากหลาย ซึ่งนับว่ามีความสำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่ง การ เสนอรูปแบบความคุ้มครองที่มีความเหมาะสม ครบถ่วน และ สมบูรณ์อย่างแท้จริงนั้น ต้องอาศัยการทำงานอย่างใกล้ชิดร่วม กันระหว่างบุคคลที่มาจากหลากหลายสาขา หน่วยงานวิศวกร ประเมินความเสี่ยงภัยจะทำหนŒาที่ระบุความเสี่ยงภัยที่ลูกค้ามี พร้อมทำการประเมินและปรับปรุงความเสี่ยงภัยนั้นๆ เพื่อเป็น การลดความเป็นไปได้ของความเสียหายสิ้นเชิง (total loss exposure) ของลูกค้า ขณะเดียวกันหน่วยงานรับประกันภัย จะพิจารณาถึงสถานภาพทางการเงินและความต้องการของลูกค่า เพื่อนำเสนอกรมธรรม์ที่เป็นเอกลักษณ์ และสนองตอบความ ต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง ในขณะที่ทีมบริหารงาน อุบัติเหตุจะดูแลขั้นตอนสุดท้าย โดยมองถึงความต้องการพิเศษ ของลูกค้า หลังจากที่เกิดความเสียหายขึ้น ทีมงานของสายงาน ธุรกิจสากล และองค์กร จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อให้ความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาที่ตรงประเด็น อันผลจากความ สัมพันธ์ที่แนบแน่นมาอย่างยาวนาน ร่วมกับบริษัทนายหน้า ประกันภัยชั้นนำ ตลอดไปจนถึงลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งความ สัมพันธนี้ได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นในระยะหลายปีที่ผ่านมา

ประวัติ

บริษัท เอเชียประกันภัย1950 จำกัด
จดทะเบียนก่อตั้งครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2493 ภายใต้ชื่อ บริษัท ยั่งยืนประกันภัย จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจ
ด้านการประกันภัย ต่อมาในปี พ.ศ. 2512 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอเชียทรัสต์ประกันภัย จำกัด และเปลี่ยนเป็น
บริษัท เอเชียสากลประกันภัย จำกัด ในปี พ.ศ.2527

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2546 ได้มีการเปลี่ยนฝ่ายบริหารและกลุ่มผู้ถือหุ้นชุดใหม่ พร้อมกับย้าย
ที่ทำการสำนักงานใหญ่มาอยู่เลขที่ 183 อาคารรีเจ้นท์เฮ้าส์ ชั้น 12 ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน
กรุงเทพฯ 10330 และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด เนื่องในโอกาสครบรอบ 55 ปีบริษัทฯ
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2548

จากประสบการณ์ยาวนานกว่า 55 ปี ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพแห่ง บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด ได้เป็นอย่างดี พร้อมกันนี้บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการให้บริการโดยยึดหลักการดำเนินตามหลักสุจริต
และซื่อตรงเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เอาประกัน

ทั้งนี้ คณะกรรมการและผู้บริหารชุดใหม่ มีนโยบายและเป้าหมายที่จะพัฒนา บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด
ให้เป็นบริษัทประกันวินาศภัยระดับมาตรฐานสากลโลก สร้างความมั่นคงในด้านสินทรัพย์ทุนจดทะเบียนจาก
30 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2546 เป็น 100 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2548และเพิ่มเป็น 300 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2549 พร้อมกับ
เพิ่มรายได้จากธุรกิจการรับประกันภัยจาก 55 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2546 เป็น 200 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2547 เป็น
400 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2548 และเพิ่มขึ้นเป็นลำดับจนติดอยู่ในอันดับต้นๆของบริษัทประกันภัยชั้นแนวหน้า
ทั้งรายได้ รับประกันภัยและความมั่นคงด้านกองทุนสำรอง ภายใน 5 ปี โดยนโยบายการบริหารจะให้ความสำคัญ
ต่อความเป็นมืออาชีพเฉพาะด้านการประกันวินาศภัยความเป็นเลิศด้านบริการและความสุจริตใจสูงสุดต่อ
ผู้ถือกรมธรรม์

ประวัติ

พ.ศ.2494
บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด ก่อตั้งเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2494 โดย ฯพณฯ
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ด้วยทุนจดทะเบียน 2,000,000 บาท
พ.ศ.2507
ทางราชการได้รับโอนหุ้นของ ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และท่านผู้หญิงวิจิตรา
ธนะรัชต์ มาเป็นของกระทรวงการคลังส่วนหนึ่ง
พ.ศ.2518
ทางราชการได้รับโอนหุ้นของ ฯพณฯ จอมพลประภาส จารุเสถียร เป็นของกระทรวง
การคลังอีกส่วนหนึ่ง ทำให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทถึง 55.6% เป็น
ผลให้ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการคลัง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
พ.ศ.2533
บริษัทฯ ได้เปิดทำการที่อาคารสำนักงานใหญ่ ซึ่งเป็นของตนเอง เป็นอาคาร 7 ชั้น ตั้งอยู่ ณ 63/2 ถนนพระราม 9
ห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2533 และบริษัทฯ ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นบริษัทดีเด่นแห่งปี
ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติ สูงสุดของบริษัทฯและพนักงานทุกคน
พ.ศ.2536
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลังกระจายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทฯ อาทิ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด
(มหาชน) และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังเหลือเพียง 5.24 %
พ.ศ.2537
บริษัทฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 80 ล้านบาทเป็น 240 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 24,000,000 หุ้น
มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 10 บาท และในเดือนมีนาคม พ.ศ.2538 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้แปรสภาพบริษัทฯ จาก
รัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทมหาชน และในเดือนมิถุนายนปีเดียวกันนี้ณะรัฐมนตรีได้อนุมัติในหลักการเรื่องการแปรรูปเป็น
บริษัทมหาชน ทั้งนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 อีกทั้ง
ยังเป็นการเตรียมการบริษัทฯ ให้มีความคล่องตัวในการดำเนินงาน และพร้อมที่จะแข่งขันในภาวะการแข่งขันเสรี
ของธุรกิจประกันภัยตามข้อตกลงของแกตต์ (GATT)
พ.ศ.2538
บริษัทฯ ได้ดำเนินการจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัท มหาชน จำกัด ต่อกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ พร้อมทั้ง
เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ.2538 โดยมี กระทรวงการคลัง,
ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารออมสิน และ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
พ.ศ.2542
บริษัทฯ ได้รับการรับรองระบบบริหารคุณภาพ ISO 9002 จากสถาบัน SGS Yarsley International
Certification Services Limited แห่งประเทศอังกฤษ ทำให้ทิพยประกันภัยเป็น "บริษัทประกันวินาศภัยแห่งแรก
ของไทยที่ได้ ISO 9002 ทุกระบบขององค์กร"
พ.ศ.2544
ครบรอบ 50 ปี แห่งความมั่นคง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯได้พัฒนาขีดความสามารถในการให้บริการอย่างไม่
หยุดยั้ง ผนวกกับบริษัทฯ มีผู้ถือหุ้นที่เป็นองค์กรที่มีความมั่นคงและมีชื่อเสียง ทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากทั้ง
ภาครัฐ และ เอกชน ให้เป็นผู้รับประกันภัยในโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นแรงผลักดัน ให้บริษัทฯ ก้าวขึ้นสู่ ความเป็นผู้นำ
ด้านประกันวินาศภัยของประเทศ โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมติดอันดับ 2ของกลุ่มบริษัทประกันวินาศภัยกว่า 77 บริษัท
และมีเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ดสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ
พ.ศ.2545
บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพการบริการอย่างต่อเนื่อง โดยนำระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001 : 2000
เข้ามาประยุกต์ใช้กับระบบเดิม เพื่อพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการบริการให้ดียิ่งขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และเพื่อก้าวสู่ความเป็น
เลิศในการบริการ บริษัทฯจึงได้เปิด Dhipaya Service Center (DSC) หรือศูนย์ทิพยบริการเพื่อเพิ่มศักยภาพ
การให้บริการแบบครบวงจร One Stop Serviceเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการอำนวยความสะดวก รวดเร็ว
สำหรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ติดต่อทำประกัน,การติดต่อสอบถาม, การติดต่อประสานงานเรื่องต่างๆ เป็นต้น รวมทั้ง
ให้คำปรึกษาแนะนำทางโทรศัพท์นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้เปิด Claims Photo Centerศูนย์การบริการเคลมรูปแบบ
ใหม่เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการด้านสินไหมรถยนต์อีกด้วย
พ.ศ.2546
บริษัทฯ ได้รับเกียรติบัตร The Best Performance - Financials 2003 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ในฐานะที่ได้รับคัดเลือกเข้าชิงรางวัลดังกล่าวเพียง 5 บริษัทเท่านั้น จากบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาล ให้เป็นผู้รับประกันภัยงานระดับชาติด้วย ได้แก่ การประกันภัย
โรคซาร์ส หรือโรคระบบทางเดินหายใจรุนแรงเฉียบพลัน เป็นแห่งแรกของโลก, การประกันภัยการขนส่งหมีแพนด้า
"ช่วง ช่วง" และ "หลินฮุ่ย" 2 ฑูตสันถวไมตรีไทย - จีน จากประเทศจีน, การประกันภัยแสตมป์มูลค่า 200 ล้านบาทในงาน
แสตมป์โลก และการรับประกันภัยความซื่อสัตย์ของสลากกินแบ่งรัฐบาล (เลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว) และในเดือนพฤศจิกายน
บริษัทได้เปลี่ยนประตูหน้าเป็นประตูด้านที่ติดกับถนนเทอดพระเกียรติ (ถนนเทียนร่วมมิตร) และใช้ชื่อประตูว่า ประตู
"ทิพยเทอดพระเกียรติ" เพื่อเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
พ.ศ.2547
เป็นบริษัทประกันวินาศภัยแห่งแรกของโลกที่รับประกันภัย "ไข้หวัดนก" ซึ่งกำลังระบาดอย่างหนักในขณะนั้นทำให้
เกษตรกรไทยลดความเสี่ยง และคลายความกังวลใจได้มากนอกจากนี้ยังเพิ่มศักยภาพการบริการด้วยการเข้าร่วมโครงการ
"ประกันทันใจ ด้วยบัตรใบเดียว" ของบริษัท เบสท์ เซอร์วิส (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นการขอสินเชื่อประกันภัยรถยนต์ โดยใช้
เพียง "บัตรประชาชน" เท่านั้น เป็นการเปิดโอกาสให้สำหรับกลุ่มลูกค้าใหม่อาทิเช่น พ่อค้า - แม่ค้า ที่ไม่มีหลักฐานแสดง
รายได้ให้สามารถขออนุมัติ สินเชื่อเพื่อทำประกันภัยรถยนต์ในโครงการได้ และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าด้วยการเปิด
สำนักงานตัวแทนที่ศรีราชาเป็นแห่งที่ 15 แห่ง

สำหรับปี 2548 ยังเน้นการขยายธุรกิจ ทั้งธุรกิจประกันภัย และการลงทุน โดยให้ความสำคัญกับการบริหารงานแบบมืออาชีพ และการพัฒนาประสิทธิภาพการบริการเพื่อให้มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งจะนำระบบวางแปน และตั้งงบประมาณเชิงสัมฤทธิเข้ามาประยุกต์ใช้ พร้อมทั้งจะดำเนินการขยายเครือข่ายให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น โดยจะเพิ่มสาขาอีก 4 แห่ง ในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ พร้อมเพิ่มสำนักงานตัวแทนอีก 5 แห่ง จากปัจจุบันที่มีสำนักงานสาขา 15 แห่ง และสำนักงานตัวแทน 17 แห่ง
พ.ศ.2548
นับเป็นปีที่เริ่มต้นด้วยความโศกเศร้าของคนไทยทั้งประเทศ จากเหตุการณ์มหันตภัยคลื่นยักษ์สึนามิ นำมาซึ่งความสูญเสีย
ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน บริษัทฯ ได้ส่งอาสาสมัครทิพยบรรเทาภัย "หน่วยหนุมาน" พร้อมรถบรรเทาภัยเพื่อประชาชน
ไปให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น และมีการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้ให้ความช่วยเหลือ และเป็น
กำลังใจให้พี่น้องชาวไทยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องคอยผวากับเหตุการณ์ความไม่สงบที่ยืดเยื้อมานาน
จึงได้จัดทำ Radio Spot เพลง "คนไทยไม่ทิ้งกัน" ขับร้องโดย คุณ กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี โดยมีเนื้อหาเพื่อเป็นขวัญ
และ กำลังใจให้กับทุกคนในสังคม

บริษัท ฯ ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลให้เป็นผู้รับประกันภัยการก่อการร้ายในพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้พี่น้องใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รู้สึกอบอุ่นและมั่นใจในแผ่นดินเกิดของตัวเอง และรับประกันภัยรถยนต์ทุกประเภทที่ติดตั้งอุปกรณ์เติมก๊าซ NGV เพื่อสนองนโยบายของรัฐในการประหยัดพลังงานที่ต้องการให้ประชาชนหันมาใช้ก๊าซ NGV

บริษัท ฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 240 ล้านบาทเป็น 300 ล้านบาท เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผล โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 60 ล้านบาท และยังได้ขยายการบริการสู่ภูมิภาคด้วยการเปิดสำนักงาน สาขาเพิ่มอีก 4 แห่งได้แก่ สาขาอุดรธานี สาขานนทบุรี สาขาเชียงาย และยังได้จัดทำโครงการ "Smart Branch" ฉลาดคน ฉลาดงาน ฉลาดพัฒนาสาขา เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานของสาขาทั่วประเทศ และยังมีการพัฒนาบุคลากร และการพัฒนาด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ควบคู่ไปด้วย จึงมีโครงการ"Dhipaya IT Year" ด้วยสโลแกน "ทิพยพันธุ์ใหม่ ก้าวไกลกับ IT Year" เพื่อให้พนักงานมีความตื่นตัวในการใช้ IT และนำมาพัฒนาการทำงานให้มี
ประสิทธิภาพมากขึ้น
พ.ศ.2549
เป็นปีมหามงคลยิ่งสำหรับปวงชนชาวไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี บริษัทฯ
จึงได้จัดกิจกรรมการกุศล และกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อาทิเช่น การสนับสนุนการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร ตามโครงการบูรณะปฏิสังขรณ์โบราณสถาน,ร่วมทำบุญทอดกฐินพระราชทานวัด 33 วัดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ประสบปัญหาภัยก่อการร้าย, ร่วมสร้างพระอุโบสถ วัดพระพุทธบาทสี่รอย จ.เชียงใหม่, ร่วมสร้างพระประธาน “พระพุทธรัตนมณีมหาปฏิมากร” เป็นต้น

ด้านการพัฒนาศักยภาพการให้บริการ ทิพยประกันภัยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ได้แก่

การออกกรมธรรม์ “ทิพยตะกาฟูล” ที่สอดคล้องกับการประกันภัยตามหลักศาสนาอิสลาม(Islamic Insurance)

โครงการ Bancassurance’ 2006 ที่ร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารออมสิน และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดผ่านพันธมิตรทั้ง 4 ราย และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้เข้าถึงการบริการของบริษัทได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

โครงการ “ประกันสังคม สุขใจ เมื่อประกันภัยกับทิพย” ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน มอบส่วนลดในการทำประกันวินาศภัยทุกประเภทให้กับนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ผู้ถือบัตรประกันสังคม รวมถึงบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาล และโครงการอื่นอีก เช่น การจำหน่าย พ.ร.บ. ผ่านสถานีบริการน้ำมันบางจาก และการทำประกันภัยการเดินทางผ่านตู้ Kiosk ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ฯลฯ